"เราตั้งความหวังเอาไว้สูงว่าสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนจะคลี่คลายลง และเราจะจับตาดูว่ารัสเซียจะดำเนินการตามหน้าที่อันควร เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครนหรือไม่ และจะติดตามด้วยดูด้วยว่ารัสเซียจะถอนกำลังทหารออกจากอาคารและพื้นที่ต่างๆที่รัสเซียเข้าไปยึดครองหรือไม่ ซึ่งเราและยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พร้อมที่จะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มขึ้น หากรัสเซียไม่สามารถทำให้วิกฤตการณ์คลี่คลายลงได้" นางซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวในระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าวถึงข้อตกลงเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเตือนว่ารัสเซียอาจเผชิญกับการคว่ำบาตรเพิ่มอีก หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
"สิ่งที่น่ากังวลคือรัสเซียจะใช้อิทธิพลแทรกแซงในทางที่ผิดเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในยูเครนหรือไม่ ผมหวังว่าเราจะเห็นความคืบหน้าในช่วงหลายวันข้างหน้านี้ แต่ผมไม่คิดว่าเราจะวางใจได้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ผ่านมา" โอบามากล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าการเจรจา 4 ฝ่ายกรณีวิกฤตยูเครนที่นครเจนีวาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหภาพยุโรป (อียู), รัสเซีย, สหรัฐและยูเครน ได้ปิดฉากลงด้วยข้อสรุปว่าด้วยการลดความตึงเครียดในยูเครน
การเจรจาระดับสูงระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย, นางแคเธอรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงฝ่ายกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของอียู, นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และนายแอนดรีย์ เดสชิตเซีย รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครน มีขึ้นเพื่อหาวิธีคลี่คลายความตึงเครียดที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครน
แถลงการณ์หลังการประชุมได้ระบุรายละเอียดข้อตกลงจากทั้ง 4 ฝ่ายว่า ขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมในเบื้องต้นเพื่อลดความตึงเครียดและคืนความมั่นคงสู่พลเมืองทั้งหมด คือการที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งความรุนแรง การคุกคาม หรือการกระทำที่ก่อให้เกิดการยั่วยุใดๆ
นอกจากนี้ "กลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมายทั้งหมด" จะต้องปลดอาวุธ และต้องคืน "อาคารที่เข้ายึดอย่างผิดกฎหมาย" ให้แก่เจ้าของตามกฎหมาย รวมถึงจะต้องออกไปจากถนน จตุรัส และสถานที่สาธารณะอื่นๆ ในเมืองต่างๆ ของยูเครน "ที่ยึดครองอย่างผิดกฎหมาย"
แถลงการณ์ยังระบุว่า ผู้ประท้วงและผู้ที่ออกจากอาคาร สถานที่อื่นๆ และปลดอาวุธแล้ว จะได้รับการนิรโทษกรรม ยกเว้นผู้มีความผิดอาญาขั้นอุกฤษฏ์โทษ
ทั้ง 4 ฝ่ายยังตกลงให้องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆของยูเครน และดำเนินการสื่อสารในพื้นที่เพื่อใช้มาตรการลดความตึงเครียดดังกล่าวในทันที สำนักข่าวซินหัวรายงาน