รมว.ลาฟรอฟกล่าวในการประชุมมหาวิทยาลัยโลกซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันว่า การต่อต้านรัสเซียได้เริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้วก่อนที่จะเกิดวิกฤติทางการเมืองในยูเครน
เขากล่าวว่า "จิตวิญญาณแห่งความร่วมมือและการทำงานอย่างจริงจังเพื่อสร้างความเชื่อใจนั้นได้ถูกนำไปวิจารณ์อย่างรุนแรงเพื่อจำกัดอำนาจของเรา" พร้อมเสริมว่า ฝั่งตะวันตกไม่เคยล้มเลิกนโยบายกำราบรัสเซีย
นายลาฟรอฟกล่าวว่า "เหล่าพันธมิตรฝั่งตะวันตกของเรา นำโดยสหรัฐ ได้ประพฤติตัวเยี่ยงผู้ชนะในสงครามเย็น และยังแสดงเจตนามองข้ามรัสเซียในกิจการภายในยุโรปอีกด้วย ซึ่งเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซียโดยตรง"
นอกจากนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่จากฝั่งตะวันตกยังได้ออกมาพูดคุยอย่างเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับความจำเป็นในการโดดเดี่ยวรัสเซีย หลังรัสเซียและฝั่งตะวันตกมีแนวทางตอบรับสถานการณ์ในยูเครนที่แตกต่างกัน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความวิตกเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีความคืบหน้าที่เป็นบวกจากรัสเซีย พร้อมกับย้ำว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะถูกยกระดับขึ้น หากรัสเซียไม่ออกมาตรการใดๆตามที่ได้ตกลงไว้ในการประชุมระหว่างสหรัฐ อียู รัสเซีย และยูเครนที่เจนีวา เมื่อวันที่ 17 เม.ย.
ทั้งนี้ ชาติตะวันตกและยูเครนต่างกล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ความไม่สงบและแยกดินแดนยูเครน แต่รัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน