เคทลิน เฮย์เดน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติระบุในแถลงการณ์ว่า "วันนี้ รถทหารรัสเซียซึ่งถูกทาสีให้เหมือนรถบรรทุกของพลเรือนได้เคลื่อนขบวนเข้าไปในยูเครน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และพันธสัญญาก่อนหน้านี้ของรัสเซียเอง"
"เราขอประณามการกระทำเช่นนี้ของรัสเซีย ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบเพิ่มเติมที่จะตามมา" เธอกล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียถอนขบวนรถและถอนเจ้าหน้าที่ออกจากยูเครน
ด้านจอห์น เคอร์บี โฆษกเพนทากอนได้เรียกร้องให้รัสเซียถอนขบวนรถและเจ้าหน้าที่ออกจากยูเครนเช่นกัน และเตือนว่าหากไม่ปฏิบัติตาม รัสเซียจะได้รับความเสียหายและถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
ทั้งนี้ สื่อรัสเซียรายงานว่า รถบรรทุก 130 คันได้เคลื่อนขบวนเข้าไปในพรมแดนของยูเครนโดยไม่มีคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศคุ้มกันหรือติดตามไปด้วย และรถบางคันได้เดินทางไปถึงเมืองลูฮานสก์ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มต่อต้านที่ฝักใฝ่รัสเซีย และกองกำลังยูเครนกำลังพยายามที่จะยึดคืน
ยูเครนระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็น "การรุกรานโดยตรง" ขณะที่รัสเซียอ้างว่า เป็นเพราะรัสเซียทนไม่ได้ที่รัฐบาลยูเครนจงใจทำให้ภารกิจด้านมนุษยธรรมล่าช้า
"เราขอเตือนถึงความพยายามใดๆก็ตามที่จะทำลายภารกิจด้านมนุษยธรรม" กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียระบุในแถลงการณ์
ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี วานนี้ โดยระบุว่า ความล่าช้าของภารกิจด้านมนุษยธรรมของรัสเซียนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
รัสเซียได้เรียกร้องให้ยูเครนยอมอนุญาตให้รถของรัสเซียลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยูเครนและชาติตะวันตกระแวงว่าเป็นการกระทำที่แอบแฝงเจตนาของรัสเซีย