โฆษกเพนตากอนกล่าวว่า "เราวิตกกังวลมาตลอดเกี่ยวกับรายงานความเป็นไปได้ที่รัเสเซียจะขายระบบขีปนาวุธ S-300 ให้แก่อิหร่าน เราไม่คิดว่าการกระทำดังกล่าวจะมีประโยชน์หรือเป็นการพัฒนาเชิงบวกแต่อย่างใด"
"อย่างไรก็ตาม ท่านประธานาธิบดียังมีทางเลือกอื่นๆ แม้ว่าการซื้อขายระบบขีปนาวุธดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วก็ตาม" นายคุ๊กกล่าว
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของโฆษกเพนตากอนมีขึ้นหลังจากนายพลจัตวาฮอสเซน เดห์กาน รมว.กลาโหมอิหร่านให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิหร่าน ฟาร์สว่า อิหร่านได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในประเด็นการจัดซื้อระบบขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ S-300
"ขณะนี้ รัสเซียได้เตรียมสัญญาซื้อขายเป็นที่เรียบร้อย และตัวแทนของอิหร่านจะเดินทางไปยังรัสเซียเพื่อลงนามในสัญญาภายในสัปดาห์หน้า"
ข่าวการซื้อขายขีปนาวุธดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่อิหร่านและชาติมหาอำนาจทั้ง 6 ประเทศได้บรรลุข้อตกลงกันเมื่อเดือนก.ค. เพื่อจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ ระบบขีปนาวุธ S-300 ถูกนำมาใช้งานในช่วงสงครามเย็นปี 1979 โดยออกแบบมาให้เป็นอาวุธขนาดใหญ่เพื่อการโจมตีทางอากาศและสามารถยิงขึ้นไปได้ไกลถึง 186 ไมล์หรือ 300 กิโลเมตรร สำนักข่าวซินหัวรายงาน