นายแคลปเปอร์ชี้แจงในรายงานต่อสภาคองเกรสว่า เกาหลีเหนือได้มีการเดินเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้แกรไฟต์เป็นตัวหน่วงความเร็ว "เป็นเวลานานพอที่จะเริ่มสกัดพลูโตเนียมได้จากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วในเครื่องดังกล่าวภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ไปจนถึงไม่กี่เดือน"
ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองสหรัฐชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาว่า เกาหลีเหนือได้ประกาศเจตนารมณ์ภายหลังการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2556 เพื่อพัฒนาและเดินเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้แกรไฟต์เป็นตัวหน่วงและโรงงานผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะขึ้นใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตพลูโตเนียมที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นอาวุธ หลังจากที่ก่อนหน้าเกาหลีเหนือได้ระงับการทำงานชั่วคราว
นายแคลปเปอร์กล่าวว่า "เรามองว่าเกาหลีเหนือได้ดำเนินการตามที่ตนได้ประกาศไว้ ด้วยการยกระดับโรงงานเสริมสมรรถนะที่เมืองยองบยอน และเดินเครื่องปฏิกรณ์ผลิตพลูโตเนียมขึ้นใหม่"
นายแคลปเปอร์ได้ยื่นรายงานดังกล่าว หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์เป็นครั้งที่สี่เมื่อวันที่ 6 ม.ค. และยังได้มีการยิงจรวดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่หลายๆประเทศมองว่าเป็นฉากบังหน้าการทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งอาจใช้เป็นพาหนะบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์
ทั้งนี้ เมื่อปี 2550 เกาหลีเหนือได้ปิดเครื่องปฏิกรณ์ดังกล่าวที่เมืองยองบยอน ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพื่อดำเนินการตามคำมั่นที่เคยให้ไว้ต่อสหรัฐอเมริกาและอีก 6 ประเทศที่ได้เข้าร่วมการหารือของจีนว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือได้ประกาศไว้ในปี 2556 ว่าจะเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขึ้นใหม่ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน