คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้อนุมัติร่างงบประมาณกลาโหมสำหรับปีงบประมาณ 2560 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.4% จากปีงบประมาณก่อนหน้าและเป็นการขยายตัว 5 ปีติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นความพยายามของญี่ปุ่นในการเสริมสร้างแสนยานุภาพของกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและการแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารของจีนในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับกระทรวงกลาโหมในปี 2560 มูลค่า 5.13 ล้านล้านเยน จากแผนงบประมาณของรัฐบาลรวมทั้งสิ้น 97.45 ล้านล้านเยน การจัดสรรดังกล่าวจะครอบคลุมในส่วนของงบประมาณในการจัดตั้งกองกำลังสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเหล่านาวิกโยธิน ในช่วงสิ้นปีงบประมาณดังกล่าวซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2561 รวมไปถึงการจัดซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธสำหรับติดตั้งบนเรือชุดใหม่
นับเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณมูลค่า 1.47 หมื่นล้านเยนสำหรับการจัดซื้อระบบสแตนดาร์ด มิสไซล์-3 บล็อก 2เอ ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธสำหรับติดตั้งบนเรือที่ญี่ปุ่นพัฒนาร่วมกับสหรัฐ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังเดินหน้ายกระดับขีดความสามารถของระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดสรรงบพิเศษอีก 3.31 หมื่นล้านเยน สำหรับปีงบประมาณ 2559 เพื่อใช้ในการพัฒนาสมรรถนะของขีปนาวุธสกัดกั้นแบบ PAC-3 ให้มีพิสัยทำการไกลขึ้นอีกเท่าตัว
ทั้งนี้ การเพิ่มงบประมาณกลาโหมของญี่ปุ่นมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่กำลังขยายตัว สืบเนื่องจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 2 ครั้ง และทดสอบยิงขีปนาวุธอีกมากกว่า 20 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNSC) ที่ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติกิจกรรมต่างๆดังกล่าว