สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายฌอง คล้อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ออกมาเตือนว่า อังกฤษจะต้องรับผลกระทบที่ตามมา "อย่างหนัก" หากถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปจริง
นายยุงเกอร์ กล่าวว่า "สหายอังกฤษจำเป็นต้องรู้ ซึ่งจริงๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนผันหรือแลกเปลี่ยนใดๆ อังกฤษจะต้องเคารพต่อพันธสัญญาที่พวกเขาได้มีส่วนขณะทำข้อตกลง"
นายยุงเกอร์ ได้กล่าวชี้แจงต่อรัฐสภาเฟลมิชในนครบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะที่อังกฤษคาดว่าจะเริ่มขั้นตอนการหารือเพื่อถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในเดือนหน้า ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี กว่าอังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้ นายยุงเกอร์กล่าวเสริมว่า "ดังนั้นผลกระทบที่อังกฤษจะต้องเผชิญนั้น จะหนักมาก โดยอังกฤษจำเป็นต้องเคารพต่อพันธสัญญาที่เคยให้ไว้"
นอกจากนี้ นายยุงเกอร์ยังเน้นย้ำจุดยืนของสหภาพยุโรปว่า ข้อตกลงในการถอนตัว ซึ่งรวมถึง "ร่างกฎหมายในการถอนตัว" จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบ ก่อนที่จะเดินหน้าเจรจาเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลานาน
ถ้อยแถลงของนายยุงเกอร์มีขึ้น เมื่อสภาขุนนาง (House of Lords) ของอังกฤษได้เริ่มการอภิปรายร่างกฎหมายที่ว่าด้วยการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากที่สภาสามัญชน (House of Commons) ของอังกฤษ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในช่วงต้นเดือน
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาสามัญชนของอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 494 ต่อ 122 เห็นชอบต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่มีการแปรญัตติ จากนั้นร่างกฎหมาย Brexit ได้ถูกส่งต่อไปยังสภาขุนนางเพื่อให้การรับรองต่อไป และเมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการลงมติจากรัฐสภาแล้ว ก็จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปี สำหรับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า สภาขุนนางจะลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมาย Brexit โดยไม่มีการแปรญัตติเช่นกัน ขณะที่สื่อรายงานว่า นางเทเรซา เมย์ อาจประกาศใช้มาตรา 50 ในวันที่ 9 มี.ค. ในระหว่างที่เข้าประชุมสุดยอดของสภายุโรปที่ประเทศมอลต