Commentary: การเยือนจีนของ"ทรัมป์"เปิดโอกาสกระชับความเชื่อมั่น และขยายความร่วมมือระดับทวิภาคี เพื่ออนาคตของประชาคมโลก

ข่าวการเมือง Wednesday November 8, 2017 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในวันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เริ่มต้นการเดินทางเยือนประเทศจีนเป็นระยะเวลา 3 วันแล้ว เพื่อสร้างโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีซึ่งน่าจะช่วยก่อร่างสร้างอนาคตที่ดีขึ้นแก่ประชาคมโลก

ทั้งนี้ นับเป็นการเยือนจีนในตำแหน่ง ปธน. ครั้งแรกของทรัมป์ ภายหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 (CPC) ซึ่งนายสี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางของ CPC อีกวาระหนึ่ง

รัฐสภาจีนได้เปิดเผยแผนการสร้างสังคมที่มีความมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้านให้สำเร็จภายในปี 2563 โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวจีน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนแห่งชาติ

จีนกำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจจากขั้นตอนของการเติบโตอย่างรวดเร็วไปสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สูงกว่าเดิมสำหรับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ

สำหรับในสหรัฐเองนั้น คณะทำงานของทรัมป์ก็ได้รับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในประเทศมาโดยตลอด เช่น การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิต และการกระตุ้นการสร้างงาน ซึ่งทรัมป์ได้กำหนดเป้าหมายเฉพาะทางไว้ ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ระดับ 3% การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของสหรัฐ และการหดตัวของยอดขาดดุลทางการค้า

การบรรลุเป้าหมายระดับทวิภาคีดังกล่าว จีนและสหรัฐซึ่งต่างก็เป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นคู่ค้าชั้นนำซึ่งกันและกัน ไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีไปกว่าการทำงานอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและการค้าที่มีความซับซ้อนสูงมาก

เมื่อปีที่แล้ว มูลค่าทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศ แตะที่ระดับ 5.786 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการลงทุนโดยตรงระหว่างกันนั้น มีมูลค่าเกิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 ประเทศจำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมอันมั่นคงและสงบสุขทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค ตลอดจนระดับนานาชาติ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ จีนและสหรัฐจึงจำเป็นต้องมอบความเชื่อมั่นและความร่วมมือในประเด็นสำคัญๆ ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ

สำหรับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีนั้น ข้อตกลงทางการทูตมีความสอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจีนและสหรัฐด้วย นโยบายที่ไม่เป็นมิตรซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบ วาทกรรมอันรุนแรง ตลอดจนการข่มขู่ทางทหาร อาจบดบังความพยายามในการจุดไฟแห่งความหวังเพื่อการเจรจาอย่างสันติสำหรับทางออกของปัญหาดังกล่าวอีกครั้ง

ดังนั้น จีน สหรัฐ รวมทั้งประเทศที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ควรทำงานร่วมกัน เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ลดระดับความตึงเครียดลงไปได้บ้าง

ในส่วนของประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการก่อการร้ายทั่วโลกน ก็ยังคงเป็นปัญหาเร่งด่วนระดับนานาชาติที่ทั้งจีนและสหรัฐเองต่างมีศักยภาพเป็นอย่างมากในการร่วมมือกันแก้ไข โดยกลไกด้านความร่วมมือนั้นสามารถสร้างขึ้นได้ทั้งในระดับภาครัฐบาลและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น ผู้นำทั้ง 2 ต่างติดต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านการประชุม การสนทนาทางโทรศัพท์ หรือการส่งข้อความถึงกัน สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจตัวตนของกันและกันดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศก็มีความคืบหน้าไปมาก ผ่านกลไกการเจรจาระดับสูงที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในประเด็นด้านทูตและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายและความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์

การเยือนจีนของทรัมป์ในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้นำทั้ง 2 ได้ทบทวนความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่าง และวางแผนกระชับความร่วมมือให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป

หากจีนและสหรัฐต่างส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันด้านความร่วมมือบนพื้นฐานของความเท่าเทียม พวกเขาก็จะสามารถจับมือกันไปสู่ความสำเร็จในขั้นต่อๆ ไป ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับโลก

บทวิเคราะห์โดย ฉี เสี่ยงเหมง

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ