นายวลาดิเมียร์ ปูติน ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ด้วยคะแนนเสียง 76.6% ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ และทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 ที่ได้คะแนนเสียงเพียง 11.9%
อย่างไรก็ดี มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ได้แสดงความดีใจต่อนายปูตินสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่สหรัฐและผู้นำยุโรปต่างปฏิเสธที่จะส่งสาส์นแสดงความยินดี
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียยังคงถือว่าไม่ราบรื่นนัก หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการคลังสหรัฐเพิ่งประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัสเซียจำนวน 13 คน รวมทั้งหน่วยงานของรัสเซียอีกจำนวนหนึ่ง ในข้อหาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะส่งผลให้มีการอายัดทรัพย์สิน และผลประโยชน์ในทรัพย์สินที่อยู่ในสหรัฐของผู้ที่ถูกคว่ำบาตร และผู้ที่อยู่ในสหรัฐจะถูกห้ามมิให้ทำธุรกรรมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตร
ทางด้านรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียกำลังเตรียมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอังกฤษก็กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต หลังเกิดความพยายามลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียที่ปัจจุบันได้แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายอังกฤษ โดยอังกฤษได้กล่าวหารัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ประกาศขับนักการทูตรัสเซียจำนวน 23 คนออกนอกประเทศ ซึ่งถือเป็นการขับไล่นักการทูตจำนวนมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี พร้อมประกาศจะไม่ส่งตัวแทนรัฐบาลเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพในปีนี้ อีกทั้งยังระงับการติดต่อในระดับสูงกับทางรัสเซีย และจะยกเลิกคำเชิญนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ในการเดินทางเยือนอังกฤษ
ขณะที่รัสเซียก็ได้ตอบโต้ด้วยการขับนักการทูตอังกฤษจำนวน 23 คนออกจากประเทศเช่นเดียวกัน
ส่วนสหภาพยุโรปก็อยู่ในสภาพไม้เบื่อไม้เมากับรัสเซีย และได้ทำการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อเป็นการลงโทษต่อการที่รัสเซียเข้าแทรกแซงกิจการภายในของยูเครน
อย่างไรก็ดี มีผู้นำของบางประเทศที่แสดงความยินดีต่อนายปูตินสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งได้แก่ ผู้นำของจีน อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย เวเนซุเอลา โบลิเวีย คิวบา และอียิปต์