In Focusแกะรอยเที่ยวบิน MH370 ปมปริศนาที่ต้องรอเวลาพิสูจน์ความจริง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 26, 2014 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

17 วันหลังจากการหายไปจากจอเรดาร์อย่างลึกลับของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์การค้นหาที่ถูกบันทึกให้เป็นหนึ่งในสถิติการค้นหาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยเกี่ยวข้องกับทั้งหมด 14 ประเทศที่ส่งเรือร่วมออกค้นหากว่า 43 ลำและเครื่องบินอีก 58 ลำ และยังไม่นับรวมไปถึงเรือเดือนสมุทรจากภาคเอกชนและเรือประมงในระแวกใกล้เคียงกับจุดที่มีการรายงานเบาะแสเกี่ยวกับเครื่องบินที่เต้มใจเข้ามาช่วยค้นหา... ในที่สุดนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียก็ออกมาเปิดเผยข้อสรุปจากวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญโดยอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษ (AAIB) และบริษัทอินมาร์แซท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมของอังกฤษเมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้ตกลงในทะเลในภาคใต้ของมหาสมุทรอินเดียห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากสนามบินใดๆที่เครื่องบินจะสามารถลงจอดได้

*ย้อนรอยปริศนาการหายไปจากจอเรดาร์ของเที่ยวบิน MH370

หลังจากเข็มนาฬิกาย่างเข้าสู่วันที่ 8 มีนาคมได้เพียงไม่นาน เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเวลา 00.41 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ และมีกำหนดถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในเวลา 06.30 น. แต่ในเวลา 02.40 น. (ต่อมาแก้ไขเป็น 01.30 น.) เครื่องบินลำนี้ได้หายไปจากจอเรดาร์ และขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรโดยสิ้นเชิง

การค้นหาในเบื้องต้นเริ่มต้นที่ทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นเส้นทางการบินของเที่ยวบิน โดยในวันเดียวกัน สื่อเวียดนามรายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ว่า เครื่องบินลำดังกล่าวหายไปจากจอเรดาห์เหนือน่านฟ้าของเวียดนาม ขณะที่เครื่องบินของกองทัพอากาศเวียดนามได้ค้นพบคราบน้ำมันซึ่งเชื่อว่าอาจจะมาจากเครื่องบินที่หายไป แต่อย่างไรก็ดี ผลการตรวจสอบพบว่าคราบน้ำมันดังกล่าวไม่ได้มาจากเครื่องบิน

ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม ดาวเทียมของจีนได้จับภาพวัตถุ 3 ชิ้นในทะเลจีนใต้ระหว่างมาเลเซียและเวียดนาม ขณะที่การค้นหากลับไม่พบวัตถุดังกล่าวแต่อย่างใด ด้านนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า จีนจะไม่เลิกล้มการค้นหาจากเบาะแสใดๆที่อาจนำไปสู่การค้นพบเที่ยวบิน MH370

อย่างไรก็ดี แนวทางการค้นหาได้เปลี่ยนมาเป็นฝั่งมหาสมุทรอินเดียในวันต่อมาหลังจากกองทัพมาเลเซียออกมาเปิดเผยว่า เรดาร์ของกองทัพได้ตรวจพบการเปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกของเครื่องบิน ก่อนที่จะมุ่งหน้าออกนอกชายฝั่งและเลยไปไกลกว่าระยะการตรวจจับสัญญาณของเรดาร์ทหาร

วันที่ 15 มีนาคม นายนาจิบระบุในงานแถลงข่าวว่า มีบางคนได้ "จงใจ" เปลี่ยนเส้นทางการบินและปิดระบบสื่อสารกับภาคพื้นดินของเครื่องบิน ขณะที่เครื่องบินยังคงบินต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 6 ชั่วโมง ข้อมูลดังกล่าวนำไปสู่การสอบสวนซึ่งมุ่งไปที่รายละเอียดของนักบินและผู้โดยสารบนเครื่องบินซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบนานกว่า 1 สัปดาห์ ในช่วงต่อมา

นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวนำไปสู่สมมติฐานที่ว่า เส้นทางการบินที่เป็นไปได้ของเที่ยวบิน MH370 หลังจากที่บินออกนอกเส้นทางอาจจะครอบคลุมตั้งแต่ตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียไปจนถึงภาคตะวันตกเฉียงเหนือของคาซัคสถาน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ใครก็ตามที่ปิดระบบการสื่อสารและควบคุมเครื่องบินจะต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและประสบการณ์การบินในระดับที่สูงมาก โดยหนึ่งในสมมติฐานที่เป็นไปได้ก็คือหนึ่งในนักบินอาจจะตัดสินใจกระทำอัตวินิบาต

นายรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทุกสมมติฐานที่เป็นไปได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนเส้นทางการบินของเที่ยวบิน MH370 พร้อมกับระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยืนได้ว่าเครื่องบินถูกควบคุมโดยผู้ก่อการร้าย เนื่องจากยังไม่ทราบแรงจูงใจและความต้องการในกรณีดังกล่าว

*สืบสวนจากข้อมูลจากดาวเทียม

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าระบบสื่อสารของเครื่องบินจะถูกตัดขาดกับผู้ควบคุมจากจุดดังกล่าว แต่อุปกรณ์บนเครื่องบินจะยังคงส่งสัญญาณ หรือ ping ไปยังดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง

จอห์น โกเกลีย อดีตคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐกล่าวว่า การปิดระบบสื่อสารสื่อความหมายอย่างชัดเจนว่า เครื่องบินที่หายไปได้ถูกควบคุมโดยใครบางคนที่รู้ระบบการทำงานของเครื่อง

ในการปิดระบบสื่อสาร บุคคลดังกล่าวจะต้องอยู่ในห้องนักบินและต้องสับสวิทช์หลายปุ่มไปเป็น “off" อย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่นักบินต่างก็รู้กันดี แต่ก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้จากอินเตอร์เน็ต

นายโกเกลียระบุว่า ระบบการสื่อสารของเครื่องบินแบ่งออกเป็น 2 ระบบ ในขณะที่ระบบการรายงานข้อมูลได้ถูกปิดลง ระบบการส่งสัญญาณจะยังคงทำงานตามปกติ โดยส่วนใหญ่ ระบบการรายงานข้อมูลของเครื่องบินสามารถทำการปิดได้ด้วยการปิดสวิทช์ในห้องบังคับการบินให้ถูกต้องตามที่กำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่นักบินจะต้องทราบ

ส่วนการปิดระบบการรายงานและการสื่อสารอากาศยาน (Aircraft Communication Addressing and Reporting System: ACARS) จำเป็นต้องลงไปยังห้องระบบอิเล็กทรอนิกที่ใต้ห้องบังคับการบิน และเรื่องดังกล่าวนักบินไม่จำเป็นต้องรู้ ซึ่งระบบ ACARS ของเที่ยวบิน MH370 ยังคงส่งสัญญาณไปยังดาวเทียมทุกๆต่อชั่วโมงติดต่อกันถึง 5 ชั่วโมงหลังจากที่ช่องรับส่งสัญญาณได้ถูกปิดลง แต่ทั้งนี้ ข้อมูลดังดังกล่าวไม่ได้มีข้อความหรือข้อมูลใดๆ และดาวเทียมก็ไม่สามารถที่จะระบุตำแหน่งของสัญญาณดังกล่าวได้

นายกมาเลเซียระบุว่า สัญญาณระหว่างเครื่องบินและดาวเทียมครั้งล่าสุดที่ยืนยันได้เกิดขึ้น ณ เวลา 08.11 น. หรือ 7 ชม. 31 นาที หลังจากที่ขึ้นบิน คิดเป็นเวลานานกว่า 5 ชั่วโมงจากเวลาที่ทางการของมาเลเซียระบุว่า เป็นเวลาสุดท้ายของความเป็นไปได้ของการสื่อสารครั้งสุดท้าย

เจ้าหน้าที่ของสายการบินมาเลเซียเปิดเผยว่า เที่ยวบิน MH370 มีน้ำมันมากพอที่จะบินติดต่อกันได้นานถึง 8 ชั่วโมง

  • อนาคตของการค้นหา

ถึงแม้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ประกาศว่าเที่ยวบิน MH370 ได้สูญหายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่า การส่งสัญญาณครั้งสุดท้ายของเที่ยวบิน MH370 อาจจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถค้นพบเบาะแสว่าได้เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินก่อนที่จะบินต่อไปไม่ได้

คริส แมคลาฟลิน รองประธานอาวุโสของอิมมาร์แซท การส่งสัญญาณบางส่วนของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ที่สูญหายจากไปจากเรดาร์เอกชนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ยังไม่ทราบเหตุผลที่เกิดขึ้น บริษัทกำลังทำการสืบสวนสาเหตุของการส่งข้อมูลบางส่วนดังกล่าว ซึ่งเป็นการสื่อสารกันแบบดิจิตอลระหว่างเครื่องบินและดาวเทียมที่เกิดจากการไม่สามารถล็อคอินเข้าสู่เครือข่ายดาวเทียมของเครื่องบินหรือ “มีความเป็นไปได้ที่ระบบบนเครื่องบินจะทำการรีเซทระบบใหม่"

แมคลาฟลินกล่าวเสริมว่า การ ping สัญญาณดังกล่าวอาจอธิบายได้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบสื่อสารของดาวเทียมอย่างแน่นอน

“เรากำลังตรวจสอบการส่งสัญญาณบางส่วนนี้ เนื่องจากบางคนพยายามจะเปิดระบบและทำการสื่อสาร" เขากล่าว

ทั้งนี้ การ ping สัญญาณบางส่วนถือเป็นเบาะแสล่าสุดในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินและผู้โดยสารบนเครื่องบินทั้ง 239 คน

แถลงการณ์ของก่อนหน้านี้ของมาเลเซียบ่งชี้ว่า แผนกการสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษระบุว่า “มีหลักฐานการสื่อสารระหว่างเครื่องบินและสถานีภาคพื้นดิน" หลังจากการ ping เสร็จสมบูรณ์ 8 นาทีก่อนหน้านั้น

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าใจการส่งสัญญาณดังกล่าวและเป็นเรื่องที่ต้องทำการสืนสวนต่อไป

แมคลาฟลินกล่าวว่า วิศวกรของอินมาร์แซทและเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังพยายามทำความเข้าใจเงื่อนไขที่อาจเป็นสาเหตุทำให้การสื่อสารครั้งสุดท้ายไม่สมบูรณ์ แต่ก็กล่าวเสริมว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อข้อสรุปที่ว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้ตกลงในภาคใต้ของมหาสมุทรอินเดีย

  • จีนฉุนมาเลเซียปกปิดความจริง

ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ออกมาแถลงถึงข้อสรุปเกี่ยวกับการหายไปของเที่ยวบิน MH370 ไปแล้วก็ตาม แต่จีนยังคงประกาศเดินหน้าการค้นหาต่อไป พร้อมกับเรียกร้องให้องค์กรนานาชาติ และประเทศที่เกี่ยวข้องออกมาให้ข้อมูลที่อาจจะช่วยการค้นหาเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไป

นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า "การค้นหาครั้งนี้เป็นการดำเนินการระดับนานาชาติ จีนหวังว่าองค์กรนานาชาติ และประเทศต่างๆจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับมาเลเซีย และจีน เพื่อช่วยให้การค้นหาดำเนินไปได้ดียิ่งขึ้น"

เขาแสดงความเห็นในการแถลงข่าวและตอบคำถามนักข่าวเรื่องการขอหลักฐานอื่นๆจากอังกฤษว่า "เราวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อสรุปของมาเลเซียเป็นอย่างยิ่ง และต้องการข้อมูล รวมถึงหลักฐานที่ครบถ้วนเพื่อพิสูจน์ข้อสรุปดังกล่าว และเรียกร้องให้มาเลเซียดำเนินการค้นหาร่วมกับนานาชาติต่อไป

ด้านบรรดาญาติๆของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ก็ได้ออกมาประท้วงในกรุงปักกิ่งวันนี้ โดยแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินการของมาเลเซีย หลังจากที่มาเลเซียสรุปว่าเครื่องบินลำดังกล่าวตกในบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้

ชาวจีนประมาณ 100 คน ได้รวมตัวอยู่ด้านหน้าสถานทูตมาเลเซียในกรุงปักกิ่ง และตะโกนว่า คำแถลงการณ์ของมาเลเซียนั้นฟังไม่ขึ้นอย่างมาก และเรียกร้องให้นำตัวผู้โดยสารกลับมาให้ได้ ญาติของผู้สูญหายบางรายถือแผ่นป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆในวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุ

ในขณะที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำงานอย่างหนักเพื่อคลี่คลายปริศนาที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย คอลัมน์ In Focus ขอเป็นกำลังใจให้กับทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจการค้นหาและญาติผู้โดยสาร ให้ได้ทราบข้อมูลที่มีความชัดเจนมากขึ้นต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ