คณะตัวแทนจากวารสารวิชาการชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น "Nature, Science และ New England Journal of Medicine" ได้ลงนามในปฏิญญาร่วมดังกล่าว พร้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเงิน อาทิ มูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation และ Wellcome Trust รวมทั้งสถาบันการวิจัย อาทิ U.S. National Institute of Health และ Chinese Academy of Sciences
"เรามีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่า การตอบสนองของประชาคมโลกต่อภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของประชาชนได้รับการชี้แจงจากหลักฐานและข้อมูลการวิจัยที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่"
ทั้งนี้ ผู้ลงนามจากวารสารทุกฉบับจะอัพเดทข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสซิกาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ในส่วนของผู้ที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนนั้น จะเสนอให้นักวิจัยดำเนินการเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของประชาชนร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อตระเตรียมวิธีการในการแบ่งปันข้อมูลที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ในทุกช่วงอย่างรวดเร็วและครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
อนึ่ง การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามฉันทามติที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาของ WHO เมื่อเดือนกันยายน ปี 2558 ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียจากหลายองค์กรชั้นนำระดับนานาชาติล้วนยืนยันว่า การแบ่งปันข้อมูลและผลลัพธ์ต่างๆ ในช่วงที่มีเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพในระดับสาธาณะอย่างโปร่งใส และทันเวลานั้นจะต้องกลายเป็นบรรทัดฐานอันพึงปฏิบัติทั่วโลก
ทางด้าน นายเจเรมี ฟาร์ราร์ ผู้อำนวยการกองทุนเวลคัมทรัสต์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงนามในแถลงการณ์ดังกล่าว แสดงความเห็นว่าการวิจัยเป็นส่วนสำคัญของการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลก
"การวิจัยนับว่ามีความสำคัญมากสำหรับเชื้อไวรัสซิกาซึ่งยังคงไม่ทราบข้อมูลแน่นอนเกี่ยวกับการแพร่เชื้อ และความเชื่อมโยงด้านสมอง" นายฟาร์ราร์กล่าว
เขากล่าวเสริมว่าการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันอย่างรวดเร็ว "จะช่วยให้แน่ใจว่าความรู้ที่ได้มีการนำไปใช้รับมือต่อการแพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที" สำนักข่าวซินหัวรายงาน