องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO เตือนว่า แม้อุปทานอาหารโลกจะปรับตัวสูงขึ้น แต่การเข้าถึงแหล่งอาหารในพื้นที่ที่ประสบกับความขัดแย้งทางการเมืองและภัยแล้งนั้น กลับลดลงอย่างต่อเนื่องรุนแรง
พลเอกคอสตาส สตามูลิส ผู้ช่วยผู้อำนวยการ FAO เปิดเผยว่า "มนุษยชาติไม่เคยต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติทุกรูปแบบในหลายประเทศพร้อมๆกันเช่นนี้มาก่อน"
ทั้งนี้ รายงานของ FAO เกี่ยวกับสถานการณ์อาหารและการเพาะปลูกในอนาคตนั้นชี้ให้เห็นว่า 37 ประเทศต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร โดย 28 ประเทศในจำนวนนี้อยู่ในทวีปแอฟริกาซึ่งประสบกับภัยแล้งเอลนินโญ่หลายต่อหลายครั้งในปีที่แล้ว
การต่อสู้อันยืดเยื้อ ประกอบกับความระส่ำระสายส่งผลให้การพลัดถิ่นและความหิวโหยในพื้นที่ต่างๆของโลกนั้น ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
แม้จะมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตทางการเกษตรจะปรับตัวขึ้นทางภาคใต้ของแอฟริกา แต่ในขณะเดียวกันประเทศซูดานใต้ก็ประกาศภาวะแห้งแล้งอย่างเป็นทางการ ยังไม่นับรวมถึงสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารทางตอนเหนือของประเทศไนจีเรีย, โซมาเลีย และเยเมน ซึ่งน่าวิตกไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ ความขัดแย้งและความไม่สงบในอัฟกานิสถาน, บุรุนดี, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, อิรัก, เมียนมา และซีเรีย ยังคงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อความไม่มั่นคงด้านอาหารของคนนับล้าน รวมถึงประเทศใกล้เคียงที่ให้ความคุ้มครองผู้ลี้ภัยด้วย
อนึ่ง ภัยแล้งในแถบแอฟริกาตะวันออกเมื่อปลายปีที่แล้วยิ่งซ้ำเติมให้สภาวะเปราะบางด้านความมั่นคงทางอาหารในหลายประเทศซึ่งตั้งอยู่ในเขตดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
"เราต้องให้ความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างเร่งด่วน รวมถึงการสนับสนุนด้านการทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อให้แน่ใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดซ้ำอีก" นายสตามูลิสเน้นย้ำ