In Focusเปิดตัว "เทเรซา เมย์" นายกฯคนใหม่อังกฤษ และภารกิจเผือกร้อน Brexit

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 13, 2016 13:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

"Brexit means Brexit ... and we are going to make a success of it !!" วาทกรรมอันลือลั่นในระหว่างการแถลงเรื่องรับมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบดาวนิ่งสตรีทแมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของ เทเรซา เมย์ ว่า นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของอังกฤษผู้นี้ มีความชัดเจนและเด็ดเดี่ยวมากเพียงใด เมย์ประกาศด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เธอจะเคารพประชามติของประชาชน และจะไม่มีวันพาอังกฤษเลี้ยวกลับไปสู่จุดที่ต้องลงประชามติครั้งที่สอง แม้ว่าความจริงแล้วเธอจะสนับสนุนให้อังกฤษยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป (EU) ก็ตาม และนี่คือสปิริททางการเมืองที่ทำให้เมย์ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากแทบทุกแวดวง

เดิมทีนั้น ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมมีหลายคน ซึ่งได้แก่ บอริส จอห์นสัน, เทเรซา เมย์, แอนเดรีย ลีดซัม, ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม, เลียม ฟ็อกซ์ และสตีเฟน แครบ ... ในช่วงแรกหลายฝ่ายมองว่า บอริส จอห์นสัน อดีตนายกเทศมนตรีลอนดอน แกนนำที่ผลักดันให้อังกฤษหย่าขาดจากอียูนั้น น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเดวิด คาเมรอน แต่เอาเข้าจริงๆ จอห์นสันเองกลับเป็นฝ่ายขอถอยฉาก เพราะเริ่มไม่มั่นใจว่า ผลพวงจาก Brexit จะกระทบเศรษฐกิจและการเมืองของอังกฤษรุนแรงแค่ไหน

จากนั้นเพียงไม่กี่วัน แอนเดรีย ลีดซัม ก็ประกาศถอนตัวบ้าง โดยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการให้กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ซึ่งจะต้องขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัตินั้น เป็นไปอย่างยืดเยื้อ อันจะส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง ดังนั้นจึงขอถอยให้คู่แข่งคือ เทเรซา เมย์ ได้รับตำแหน่งนี้ไปโดยไม่ต้องประลองชั้นเชิงทางการเมืองให้ขุ่นเคืองกันภายในพรรค และนี่คือการเมืองของดินแดนผู้ดี ที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน และไม่สร้างคลื่นใต้น้ำภายในพรรคจนเป็นเหตุให้บ้านเมืองไปต่อไม่ได้

  • เส้นทางผู้นำของเทเรซา เมย์ และภารกิจเผือกร้อน Brexit

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า เส้นทางการเป็นผู้นำอังกฤษของเมย์ย่อมไม่ราบเรียบแน่นอน เพราะผลที่ตามมาของ Brexit นั้น ทำให้เธอต้องเตรียมพาอังกฤษออกจาก EU ให้บอบช้ำหรือเสียหายน้อยที่สุด โดยต้องเจรจากับชาติสมาชิกเป็นรายประเทศของ EU เพื่อทำข้อตกลงใหม่ที่ซับซ้อนกว่าสมัยที่อยู่ในสหภาพยุโรป

สิ่งที่เมย์จะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การต้องเตรียมรับมือผลกระทบหลักๆจาก Brexit ซึ่งรวมถึงการจัดการกับผู้อพยพและผู้ย้ายถิ่นฐาน ประมาณปีละ 500,000 คน คิดเป็นอัตราส่วน 0.9% ของประชากรในสหราชอาณาจักร และตัวเลขดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

นอกจากนี้ เมย์จะต้องหาวิธีแก้ปัญหามูลค่าการค้าระหว่างประเทศภายใต้กรอบการค้าเสรีในภูมิภาคยุโรป ที่หดหายไป อีกทั้งต้องเตรียมรับมือกับการหดตัวของยอดส่งออก จากการที่เคยมีสัดส่วนการส่งออกไปกลุ่ม EU สูงถึง 47% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดหรือคิดเป็นสัดส่วน 8% ของ GDP

เท่านั้นยังไม่พอ เมย์จะทำอย่างไร หากกรุงลอนดอนต้องศูนย์เสียฐานะการเป็นศูนย์กลางให้บริการทางการเงินของภูมิภาคยุโรป จากเดิมที่เคยเอื้อประโยชน์ต่อค่าเงินปอนด์ และจะไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับ EU ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่า ในอนาคตลอนดอนอาจสูญเสียสถานะดังกล่าวให้กับเยอรมนี

และท้ายที่สุด เมย์จะพาชาวอังกฤษก้าวข้ามความท้าทายที่จะเผชิญในอนาคตได้อย่างไร เมื่ออังกฤษต้องถอนตัวออกมาเป็นชาติโดดเดี่ยวในยุโรป ซึ่งเป็นสิ่งที่อังกฤษไม่คุ้นเคยมาก่อนในช่วงเวลาหลายร้อยปี

  • รู้จักเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สอง แห่งประวัติศาสตร์อังกฤษ

เทเรซา เมย์ วัย 59 ปี ชื่อเดิมคือ เทเรซา แมรี บราซิเออร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1956 ที่เมืองอีสต์เบิร์น ทางตอนใต้ของอังกฤษ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมย์เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในธนาคารกลางอังกฤษ, หน่วยงานกำกับดูแลการทำธุรกรรมทางการเงินของอังกฤษ (ยูเคพีเอ) และเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นของกรุงลอนดอน ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตไมเดนเฮด เมืองเบิร์กเชียร์ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอนในพ.ศ.2540

เมย์ก้าวขึ้นสู่ระดับแกนนำพรรคอนุรักษ์นิยม จนกระทั่งในยุครัฐบาลของนายเดวิด คาเมรอน เธอได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการสตรีและความเท่าเทียมเป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยต่อเนื่องนาน 6 ปีจนถึงปัจจุบัน

เธอสมรสกับฟิลิป เมย์ นักการธนาคารจากแคปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล ในปีค.ศ.1980 แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ทั้งคู่พบกันโดยการแนะนำของนางเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน เธอสูญเสียบิดาและมารดาในอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากที่เธอและฟิลิปแต่งงานกันได้ไม่นาน

เทเรซา เมย์ ชื่นชอบการสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่สวยงาม การปรากฎตัวของเธอมักจะได้รับความสนใจจากผู้สื่อข่าว เนื่องจากเธอมีรองเท้าที่สวยเก๋และสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามแปลกตา ไม่เหมือนกับนักการเมืองหญิงทั่วไป

บุคคลิกที่มุ่งมั่นของเมย์ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ มาการ์เร็ต แทชเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตำนานหญิงเหล็กแห่งอังกฤษที่โลกไม่เคยลืมเธอ ในฐานะผู้กล้าสลายอำนาจสหภาพแรงงานอันเข้มแข็งของอังกฤษ และนำอังกฤษไปสู่ความรุ่งโรจน์ จนได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษถึงสองสมัย นอกจากนี้ แทชเชอร์ยังสร้างปรากฎการณ์โลกไม่ลืม ด้วยการตัดสินใจส่งกองกำลังทหารเข้าโจมตีหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ เพื่อยึดคืนหมู่เกาะแห่งนี้มาจากอาร์เจนตินาได้สำเร็จ

ขณะที่อีกหลายคนมองว่า เมย์มีจิตวิญญาณทางการเมืองที่คล้ายกับ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวคือ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชาแล้ว เธอจะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หันกลับ และกล้าพอที่จะละทิ้งแนวทางที่เธอแผ้วถางมา หากแนวทางนั้น ขัดแย้งกับมติของประชาชน

ในยุคที่เธออยู่ภายใต้การบริหารรัฐบาลโดยเดวิด คาเมรอนนั้น แม้เธอมีมุมมองหลายด้านที่แตกต่าง แต่เธอก็ให้ความเคารพและสนับสนุนนายคาเมรอนอย่างจริงใจ ในฐานะนายกรัฐมนตรี

กระทั่งเส้นทางการเมืองได้นำพาเธอมาถึงจุดที่เปิดโอกาสให้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรี เธอลุกขึ้นกล่าวต่อหน้าผู้คนด้วยท่าทีที่สุภาพ แต่เด็ดเดี่ยวว่า "การหลอมรวมพรรคและประเทศอังกฤษให้เป็นหนึ่งเดียวกัน การเจรจาหาข้อตกลงที่ดีที่สุดในการออกจาก EU และการทำให้อังกฤษเป็นไปตามความคาดหวังสำหรับทุกคน คืองานใหญ่ที่รอเราอยู่ข้างหน้า .. และฉันคือผู้สมัครคนเดียวที่สามารถทำทั้งสามสิ่งนี้ได้"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ