In Focusนับถอยหลัง ‘เยลเลน’ แถลงที่การประชุม"แจ็คสัน โฮล"ศุกร์นี้ คาดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 24, 2016 14:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตลาดการเงินทั่วโลกจับตา นั่นก็คือการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ของสหรัฐ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยในปีนี้การประชุมจัดขึ้นในหัวข้อ "การออกแบบกรอบนโยบายการเงินอย่างยืดหยุ่นสำหรับอนาคต"

การประชุมที่แจ็คสัน โฮล ถือเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2525 โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ การประชุมดังกล่าวถือเป็นการรวมเหล่านักเศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีท นักวิชาการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งเฟดมักจะใช้เวทีนี้ในการแถลงนโยบายการเงินอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้การประชุมที่แจ็คสัน โฮลอยู่ในความสนใจมาตลอดทุกปี

ในปีนี้นักลงทุน-ตลาดการเงินทั่วโลกจับจ้องการประชุมแจ็คสัน โฮลที่จะถึงนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากนางเจเน็ต เยเลน ประธานเฟดจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ "เครื่องมือด้านนโยบายการเงินของเฟด" หลังจากที่เธองดร่วมการประชุมในปีที่แล้ว นางเยลเลนจะแสดงทัศนะเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ด้วย เมื่อประเมินจากปัจจัยสนับสนุนที่มีอยู่มากมาย หลังจากที่เฟดได้ทิ้งช่วงประกาศขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมกำหนดนโยบายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยในการประชุมครั้งนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

*ความเห็นเยลเลนครั้งหลังสุดแสดงจุดยืนหนุนขึ้นดอกเบี้ย

ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางเยลเลน ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สภาฝ่ายกิจการโลกแห่งฟิลาเดลเฟีย (World Affairs Council of Philadelphia) โดยเธอคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับระบุว่า เฟดยังคงพิจารณาว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสม

นางเยลเลนกล่าวว่า เธอเชื่อว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะค่อยๆปรับลดขนาดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของเฟด

*มุมมองเจ้าหน้าที่เฟดก่อนการประชุมแจ็คสัน โฮล เปิดฉาก

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ และอาศัยจังหวะนี้พูดในเชิงสนับสนุนให้มีการขึ้นดอกเบี้ย โดยตลาดให้ความสำคัญเป็นพิเศษไปที่ความเห็นของนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด ซึ่งมักจะแสดงความเห็นที่สอดคล้องกับนางเยลเลน

-- นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ กล่าวแสดงความคิดเห็นในการประชุมเศรษฐกิจซึ่งจัดขึ้นที่รัฐโคโลราโด โดยระบุว่า เฟดใกล้จะบรรลุเป้าหมายเกี่ยวกับการจ้างงาน และการผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รองประธานเฟดยังคงเปิดกว้างสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นายฟิสเชอร์กล่าวว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในต่างประเทศยังย่ำแย่ก็ตาม พร้อมระบุว่า ดัชนีการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟดนั้น อยู่ที่ระดับ 1.6% ซึ่งถือกว่าใกล้เคียงเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

-- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจได้รับความเสียหายหากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานเกินไป และมองว่าเมื่อพิจารณาในแง่ของเศรษฐกิจแล้ว เดือนกันยายนดูมีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ย

-- นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้ เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และตลาดแรงงานยังคงมีการสร้างงานเพิ่มมากขึ้น

-- เช่นเดียวกับนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ที่กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น และเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่เหมาะสม

-- ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส ได้ออกมาแสดงความเห็นในแนวทางที่ต่างออกไป โดยเขากล่าวในการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัสว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น มีอยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม นายแคปแลนยอมรับว่า การที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานานนั้น อาจทำให้เฟดประสบปัญหาในการผลักดันนโยบายการเงินให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ

-- ด้านอดีตประธานเฟดอย่างนายอลัน กรีนสแปน ออกมาคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากหากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเดิมนานเกินไปแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐอาจประสบกับภาวะซบเซา ประกอบกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ นายกรีนสแปนชี้ว่า หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงแล้ว ก็อาจดำเนินการด้วยความรวดเร็วจนสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด

*นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด ‘เยลเลน’ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ออกมากล่าวในทำนองเดียวกันว่า นางเยลเลนคาดว่า จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมแจ็คสัน โฮล ปีนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า หากการประชุม FOMC เดือนกันยายนยังเร็วไปที่จะประกาศขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม โดยวอลล์ สตรีท เจอนัลได้ทำการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 62 คนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พบว่า 71% ของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม

-- นายดรูว์ มาทัส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของยูบีเอส คาดว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล ครั้งนี้ พร้อมกับแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยนายมาทัสระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมมากกว่า โดยระบุถึงโอกาสเพียง 20% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในเดือนกันยายน

-- นายไมเคิล กาเพน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของบาร์เคลย์ คาดว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หากตัวเลขจ้างงานเดือนสิงหาคมออกมาแข็งแกร่ง

“เราคาดหวังว่านางเยลเลนจะส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล" นายกาเพนกล่าว

-- นายไมเคิล เกรกอรี รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ระบุว่า หากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ก็อาจจะสนับสนุนให้เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน และนางเยลเลนอาจส่งสัญญาณว่าเธอต้องการรวบรวมข้อมูลที่รองรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง

-- นายเควิน โลแกน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เอชเอสบีซีคาดว่า นางเยลเลนจะกล่าวในทำนองว่าเมฆหมอกได้เริ่มจางหายไป และเฟดใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายระดับการจ้างงานเต็มที่และอัตราเงินเฟ้อมีเสถียรภาพที่ 2%

-- นายโจเซฟ ลาวอร์กนา หัวหน้าเศรษฐศาสตร์สหรัฐของดอยช์แบงก์ ระบุว่า เนื่องจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กมีความคิดที่สอดคล้องกับนางเยลเลน ประธานเฟด จึงคาดว่า นางเยลเลนจะกล่าวสุนทรพจน์ในแนวทางที่เปิดกว้างเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินเอื้ออำนาย

-- อย่างไรก็ตาม นายอลัน คาร์ก นักเศรษฐศาสตร์ของสโกเทียแบงก์ ยุโรป มองว่า เฟดไม่น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะออกมาส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวให้มีการขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม

*ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง ปัจจัยสำคัญหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

นักลงทุนยังให้น้ำหนักเป็นพิเศษกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากเฟดมักจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจในการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานสหรัฐซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

-- ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมปรับตัวสูงขึ้น 255,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 292,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สำหรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมจะมีการเปิดเผยในวันที่ 2 กันยายน

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมากเกินคาด โดยลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 สิงหาคม

-- นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐยังพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวานนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ทะยานขึ้น 12.4% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 654,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550

-- ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อาทิ ดัชนีราคาบ้านเดือนมิถุนายน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2559 และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายเดือนสิงหาคม

*ตลาดการเงินโลกระมัดระวังการซื้อขาย โฟกัสถ้อยแถลง ‘เยลเลน’

ตลาดการเงินประเดิมการซื้อขายในสัปดาห์นี้ด้วยความระมัดระวัง สอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า นางเยลเลนอาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล ในขณะที่ถ้อยแถลงของนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด ก็สะท้อนการเปิดกว้างเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นเกิดใหม่ก็เริ่มต้นสัปดาห์นี้ด้วยการปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากกังวลว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้กระทั่งตลาดหุ้นจีนเอง ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเฟดเท่าใดนัก ก็ปรับตัวลงในวันจันทร์เช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลง

ในส่วนของดอลลาร์สหรัฐเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปซื้อดอลลาร์รับคาดการณ์ที่ว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลในทางตรงกันข้ามกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐ โดยเฉพาะสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กที่ปรับตัวลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐ มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น เป็นเหตุให้อุปสงค์ลดลง

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบในระยะนี้ นักลงทุนจึงควรจับตาสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด

*เฟดขึ้นดอกเบี้ยนั้นสำคัญไฉน

มาถึงตรงนี้หลายๆท่านคงมีคำถามว่าธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยแล้วเกี่ยวกับไทยอย่างไร คงต้องท้าวความย้อนกลับไปช่วงเฟดลดดอกเบี้ยจนเข้าใกล้ 0 ช่วงนั้นดอกเบี้ยเงินฝากในสหรัฐจึงต่ำมากตามไปด้วย นักลงทุนจึงขนเงินมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงที่ไทยด้วย ทำให้ตลาดหุ้นไทยจากเดิมเคลื่อนไหวในกรอบ 400-500 จุด พุ่งขึ้นแตะราวๆ 1,500 จุดอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะฟื้นตัวแล้ว เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เงินเฟ้อจนเกินไป ซึ่งเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ดอกเบี้ยเงินฝากและพันธบัตรในสหรัฐก็จะปรับขึ้นตามไปด้วย นักลงทุนที่เคยขนเงินมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ จึงอาจเกิดความคิดใหม่ที่ย้ายเงินกลับไปที่สหรัฐ เมื่อประเมินจากเสถียรภาพของตลาดที่ดีกว่า แถมยังไม่ต้องกังวลกับการขาดทุนอันเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน

เมื่อได้ทราบถึงผลลัพท์ของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแล้ว ก็จะช่วยให้นักลงทุนรู้ทันสถานการณ์ และรับมือกับเหตุการณ์ข้างหน้าโดยไม่ตื่นตระหนก ขณะที่ผู้ส่งออกและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ก็จะสามารถรับมือกับความผันผวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างมั่นใจ


แท็ก In Focus:   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ