In Focusแอปเปิลจะส้มหล่นหรือไม่จากมหากาพย์ Galaxy Note 7 ของค่ายแอนดรอยด์แดนโสม

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 12, 2016 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แอปเปิลจะส้มหล่นหรือไม่จากวิกฤตที่เกิดขึ้นของค่ายมือถือแดนโสม รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศชี้ว่า แอปเปิลอาจจะทำยอดขายไอโฟนได้อีกถึง 14-15 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ถึง 7% ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การที่ผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐได้ยุติการขาย Galaxy Note 7 และเปิดโอกาสให้ลูกค้าเปลี่ยนเครื่อง ทำให้แอปเปิลได้เปรียบในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องจากแอนดรอยด์เป็นแอปเปิลในช่วง 1 ปีนับจากนี้ไป

นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Galaxy Note 7 ยังจะช่วยดึงกลุ่มผู้ใช้มือถือระบบแอนดรอยด์ให้เปลี่ยนใจมาใช้ระบบ iOS ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลในตลาดสมาร์ทโฟนโลกเพิ่มขึ้น 1% หลังจากที่ซัมซุงสามารถครองส่วนแบ่งตลาด 22.4% ในไตรมาส 2 และแอปเปิลเองครองส่วนแบ่งไปได้เพียง 11.8%

มหากาพย์ของมือถือค่ายแอนดรอยด์จากแดนโสมที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ เรียกได้ว่า เป็นบทเรียนราคาแพงที่สามารถศึกษาและค้นหาคำตอบทั้งในเรื่องต้นตอของปัญหา วิธีการแก้ปัญหา จุดยืนของบริษัทในอนาคต และมุมมองจากแวดวงต่างๆที่มีต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น

แม้ว่า ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นจะยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุของปัญหาโอเวอร์ฮีทของมือถือรุ่นนี้ แต่การที่ค่ายมือถือแดนโสมเรียกคืน Galaxy Note 7 ในช่วงแรกก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีเท่าไรนัก เพราะหลังจากที่ได้มีการรายงานเรื่องมือถือโอเวอร์ฮีทเป็นครั้งแรก ซัมซุงก็ได้ประกาศรับเปลี่ยนเครื่อง แต่ไม่ยอมประกาศมาตรการรับคืนเงินจากการซื้อมือถือรุ่นดังกล่าว หนำซ้ำยังทิ้งช่วงถึง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะประกาศให้ลูกค้าหยุดใช้งานมือถือรุ่นนี้

จนท้ายที่สุดการประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่าย Galaxy Note 7 จากปากของซัมซุงก็เกิดขึ้น ช่วงเวลาที่ทิ้งห่างนับจากที่เกิดปัญหาขึ้น ส่งผลกระทบต่อแบรนด์และความจงรักภักดีของกลุ่มสาวกและผู้ใช้มือถือทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญมองว่า จากนี้ไปซัมซุงจำเป็นต้องอธิบายให้ลูกค้าได้รับรู้และเข้าใจ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า สมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปที่จะเปิดตัวนั้น จะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก

เจาะผลกระทบโครงสร้างธุรกิจ

ปัญหาการระเบิดของซัมซุง Galaxy Note 7 อาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายและแบรนด์อย่างหนักหน่วงก็จริง แต่ในทางกลับกัน หากปัญหาเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับค่ายแอปเปิลแล้ว วิกฤตที่เกิดขึ้นอาจจะย่ำแย่กว่านี้มาก เนื่องจากค่ายซัมซุงได้กระจายการลงทุนและความเสี่ยงไปกับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทแอพไพลแอนซ์ อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านอย่างตู้เย็น จอทีวี อุปกรณ์การแพทย์และชิปคอมพิวเตอร์

สื่อต่างประเทศมองว่า แม้ว่าการประกาศยกเลิกการผลิต Galaxy Note 7 จะส่งผลกระทบต่อกำไรในภาคธุรกิจมือถือ แต่ธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องของซัมซุงแทบจะไม่ได้รับผลกระทบข้างเคียงเท่าไรนัก อย่างไรก็ดี ต้นทุนในการเรียกคืนมือถือรุ่นนี้เพียงอย่างเดียว อาจจะอยู่ที่ 2-2.5 พันล้านดอลลาร์ การยกเลิกการผลิตและจำหน่าย Galaxy Note 7 อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของซัมซุงในปี 2560 ประมาณ 3%

ในขณะที่แอปเปิลยังคงพึ่งพาธุรกิจอุปกรณ์พกพามากกว่า แต่แอปเปิลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งเห็นได้จากความเคลื่อนไหวของแอปเปิลที่ได้เดินหน้าทั้งในเรื่องของสมาร์ทคาร์ ทีวี และ AR ซึ่งอาจจะเป็นการเดินหน้าสู่การกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต

อนาคตของซัมซุง

นักวิเคราะห์จากบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ป หรือไอดีซี มองว่า แม้ว่าซัมซุงจะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักกับส่วนแบ่งการตลาดโดยรวม อย่างไรก็ดี ในแง่ของกำไรก็คงจะได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะซัมซุงคงต้องนำเสนอส่วนลดและโปรโมชั่นอื่นๆเพื่อกระตุ้นยอดขายมือถือรุ่นอื่นๆ

ส่วนนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยี เชื่อว่า ซัมซุงคงจะเร่งเปิดตัว Galaxy S8 เพื่อกู้วิกฤต Galaxy Note 7 เทคโนโลยีล่าสุดและดีที่สุดของซัมซุงล้วนเป็นฟีเจอร์ที่อยู่ใน Galaxy Note 7 หากค่ายแอนดรอยด์แดนโสมจะเปิดตัวมือถือรุ่นต่อไป เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้ก็คงถูกนำมาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แน่นอน

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์มองว่า การตัดสินใจยกเลิกการขาย Galaxy Note 7 นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งถือเป็นประโยชน์สำหรับแบรนด์ อย่างไรก็ดี ซัมซุงเองก็คงจะมุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพและการทดสอบที่เชื่อถือได้หากเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต

วิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ หลายฝ่ายคงรอดูว่า ค่ายมือถือแดนโสมจะกู้ความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์กลับคืนมาอย่างไร แอปเปิลจะส้มหล่นจริงหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ