สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 23, 2013 10:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,362 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,372 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 32.02บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,600 บาท กับ 20,700 บาท และกลับมาปิดที่ 20,700บาท กับ 20,800 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 3,390 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 14,524 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 20.1% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 15.6% GFQ13 ปิด 20,990 บาท และ GFV13 ปิด 21,130บาท GF10Q13 ปิด 20,990 บาท GF10V13 ปิด 21,120 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ระดับ 1,370.8 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 17.2 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 23.035 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 913.52 ตัน (ถือครองทองคำเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 105.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 66.19จุด ปิดที่ 14,963.74จุด ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ จากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ออกมามีคนว่างงานเพิ่มขึ้น 13,000 ราย มากกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่ดัชนีภาคการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียงเล็กน้อย CPM Group ระบุว่า ปริมาณความต้องการทองคำของอินเดียโดยปกติจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนในช่วงนี้เนื่องจากความพยายามของรัฐบาลอินเดียในการจำกัดการนำเข้าทองคำ และจากการอ่อนค่าของสกุลเงินรูปี ปริมาณความต้องการเครื่องประดับทองคำในอินโดนีเซียดูจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 40 ตันในปีนี้ ซึ่งสูงสุดในรอบสี่ปี เนื่องจากผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เพิ่มกำลังการเข้าซื้อ World Gold Council ประมาณการณ์ว่า ยอดขายเครื่องประดับทองคำ เหรียญทองคำ และทองคำแท่งในอินเดียและจีนจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1,000 ตันในปีนี้ แบร์ริค โกลด์ คอร์ป ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุเมื่อวานนี้ว่าได้ตกลงที่จะขายเหมืองทองออสเตรเลียต้นทุนสูงสุดสามเหมืองให้กับ โกลด์ ฟิลด์ ด้วยมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ความไม่สงบทางกลุ่มแรงงานในแอฟริกาใต้ได้คุกคามอุตสาหกรรมทองคำ โดยได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มต้นทุนและจากราคาทองคำที่ปรับตัวลดลง ซึ่งการประท้วงอาจจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.94% ในการซื้อขายตลาดเอเชีย และกำลังพุ่งขึ้นใกล้ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นในรอบสองปี โดยตลาดกำลังรอถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มลดขนาด QE มีการรายงานว่าซีเรียได้ใช้อาวุธทางเคมีกับกลุ่มพลเรือน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อคืนนี้จากตัวเลขที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตทั่วโลก และคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางการหยุดการซื้อขายไป 3 ชั่วโมงของตลาดหุ้น Nasdaq เนื่องจากคอมพิวเตอร์ error เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากรายงานตัวเลขสหรัฐบ่งชี้ถึงผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบมากกว่าห้าปี จึงเป็นตัวกระตุ้นความเชื่อมั่นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 323K ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 336K - Flash Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 53.7 ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.9 ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 497K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 487K ทิศทางทางราคาทอง ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,365 — 1,385 เหรียญ โดยที่เมื่อวานขึ้นมาทดสอบกรอบด้านบนหลังจากที่ตัวเลขคนว่างงาน Jobless Claims ปรับตัวสูงขึ้น 13,000 ตำแหน่ง ในขณะที่ดัชนีภาคการผลิตยังอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นบ้างเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่เมื่อวาน SPDR ไม่ได้ซื้อขายอะไร ในขณะที่ตลาดยังคงต้องรอความชัดเจนของ QE รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจถัดไป โดยที่ราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในบริเวณสูง วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค โดยภาพรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,365 — 1,385 เหรียญ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบน ซึ่งถ้าไม่ผ่านจะมีแรงเทขายหนาแน่น ในช่วงสั้นๆ คาดว่าจะเป็น Sideways ต่อไป ในขณะที่ค่าเงินบาทเองวันนี้ทรงตัวอยู่ที่เดิมบริเวณ 32.04 บาท/ดอลลาร์ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ทำกำไรในกรอบ Sideways โดยในรูปของราคาทองไทย แนวรับจะอยู่ที่ระดับ 20,600 บาท/บาททองคำ และแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 20,850 บาท/บาททองคำ - นักลงทุนที่ถือ Long Position นักลงทุนที่ถือ Short Position ซื้อและขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ ไม่ถือเยอะข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากตลาดยังเป็น Sideways Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,880 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,080 บาท Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,250 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ