กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--แฟรนคอม เอเชีย
หัวเว่ย ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เผยผลประกอบการประจำปี 2556 อย่างเป็นทางการว่า บริษัทมีรายได้ยอดขายและกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเป็นประวัติการณ์ในทุกธุรกิจ ด้วยยอดขาย 239,000 ล้านหยวน สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 8.5% (หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 11.6% จากปีก่อนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 21,000 ล้านหยวน
มร. อีริค ซวี รักษาการณ์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ซีอีโอ) หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าวว่า “ต้องขอบคุณการขยายตัวทางเศรษฐกิจระดับมหภาคของโลกและภาพรวมของอุตสาหกรรมที่สดใสขึ้น รวมไปถึงกลยุทธ์การดำเนินที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลกำไรและรายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าของปี 2556 ที่วางไว้ หัวเว่ยเชื่อมต่อโลกได้กว้างไกลกว่าที่เคยในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก เชื่อมโยงผู้คนกว่า 3 พันล้านคนให้ติดต่อสื่อสารกันได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถค้นหาและแชร์ข้อมูลกันได้อย่างง่ายดาย และเทคโนโลยีนี้ยังเป็นพลังผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเมือง เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการผลิต ได้อย่างรวดเร็ว”
การขยายสาขาทั่วโลกส่งผลให้หัวเว่ยมียอดขายที่เติบโตมั่นคงและต่อเนื่องทั้งในกลุ่มธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคม เอ็นเตอร์ไพรส์ และคอนซูมเมอร์ ในปี 2556 ธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมของหัวเว่ยสามารถสร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ ด้วยยอดขาย 166,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ส่วนกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์และกลุ่มคอนซูมเมอร์มีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นมากในปีที่ผ่านมาคือ 32.4% และ 17.8% ด้วยยอดขาย 15,200 ล้านหยวน และ 57,000 ล้านหยวน ตามลำดับ โดย 65% เป็นยอดขายในต่างประเทศ ส่วนในประเทศจีน หัวเว่ยมียอดขายรวม 84,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.2% จากปีก่อน
หัวเว่ยเล็งเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลต่อการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ในปีที่ผ่านมา หัวเว่ยลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาถึง 30,700 ล้านหยวน (หรือราว 5,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็น 12.8% ของยอดขาย โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยใช้งบรวมกว่า 151,000 ล้านหยวนในด้านวิจัยและพัฒนา ทั้งนี้เพื่อพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า และจะลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมพื้นฐาน เพื่อรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไอซีทีหลักๆ
มร. อีริค ซวี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เผยแพร่สถาปัตยกรรมเครือข่าย “SoftCOM” เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นไอซีทีแบบผนวกรวม เพื่อให้โลกในอนาคตสามารถเชื่อมโยง และแชร์ทุกสิ่งร่วมกันได้ โดยหัวเว่ยจะร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตร สร้างระบบโลจิสติกดิจิตอลที่สอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเชื่อมโยงระหว่างผู้คน คนและอุปกรณ์ หรือระหว่างอุปกรณ์กับอุปกรณ์ด้วยกันให้เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้เกิดการแบ่งปันความคิดอย่างอิสระ นอกจากนี้ เราจะยังก้าวตามฝัน สร้างนวัตกรรม และผลักดันให้เกิดพัฒนาการด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการสื่อสารระหว่างผู้คน เพื่อสร้างโลกที่เชื่อมโยงถึงกันได้มากขึ้น”
ในปี 2557 หัวเว่ยมองว่าการเข้าถึงโมบายบรอดแบนด์และอัลตร้าบรอดแบนด์จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี LTE ซึ่งจะเป็นโอกาสทางกลยุทธ์ที่สำคัญ รวมไปถึงสมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่หัวเว่ยให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะสมาร์ทดีไวซ์จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการก้าวเข้าสู่ “สายพันธุ์ดิจิตอล” ที่ช่วยให้มนุษย์เราสามารถเปิดรับสิ่งต่างๆได้กว้างขึ้น ไอซีทีจะกลายเป็นระบบการผลิตและความสามารถหลักขององค์กร ด้วยแรงผลักดันจากการปรับเปลี่ยนของระบบไอทีที่มีอยู่ และการปรับอุตสาหกรรมแบบเก่าให้เข้าสู่ดิจิตอล
มร. อีริค ซวี กล่าวเสริมว่า “ปี 2557 จะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่แค่สำหรับหัวเว่ยเท่านั้น แต่เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโดยรวมทั้งหมดด้วย หัวเว่ยยังเป็นบริษัทน้องใหม่ ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีที หัวเว่ยมองว่า โลกที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นจะช่วยปลดล็อกโอกาสต่างๆ ที่อยู่เหนือจินตนาการ บริษัทจะยังคงใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้น ผนวกกับสไตล์การบริหารที่ไม่ซับซ้อนในปี 2557 นี้ เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคง และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการพัฒนาบริษัทให้เติบโตยิ่งขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์
รายละเอียดผลประกอบการของหัวเว่ย ซึ่งผ่านการตรวจสอบบัญชีโดย KPMG จะถูกเผยแพร่โดยเป็นส่วนหนึ่งของรายงานสรุปประจำปีของหัวเว่ย สามารถดูได้ที่ http://www.huawei.com/en/annualreport
2013
(อัตราแลกเปลี่ยน: 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ = 6.0569 หยวน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556)