ทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ฯเปิดศักราชใหม่แห่งการบริหารคลังสินค้าอย่างครบวงจรกับบริการล่าสุด “ตรวจนับสต๊อกสินค้านอกสถานที่”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 18, 2014 09:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--เกรย์ แมทเทอร์ คอมมินิเคชั่นส์ บริษัททีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์จำกัดผู้นำด้านการบริหารคลังสินค้าและโซลูชั่นระบบลอจิสติกส์ครบวงจรสัญชาติไทย 100% ภายใต้พันธกิจหลักในการเป็น ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นคลังสินค้าคุณภาพเยี่ยม หรือ “TLM – Ultimate Warehousing and Distribution Solution Provider” ประเดิมศักราชปี 2557 ด้วยการเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด “ตรวจนับสต๊อกสินค้านอกสถานที่” หรือ “ตรวจนับสต๊อกสินค้าหน้าร้าน” ที่จะช่วยสร้างความสะดวกสบายและประหยัดต้นทุนให้กับลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังของตนให้ได้คุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่าสากล โดยบริการใหม่นี้ ทางทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ฯ จะจัดทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมเครื่องมือและระบบเทคโนโลยีอันทันสมัย ส่งตรงเข้าปฏิบัติการในการตรวจนับสต๊อกสินค้าคงคลังถึงหน้าร้านหรือโรงงานของลูกค้าซึ่งบริการดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ใช้บริการคลังสินค้าของทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ฯ อยู่แล้ว รวมถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ที่หันมาให้ความสนใจในบริการใหม่นี้ในทันทีที่เปิดตัว เนื่องจากเป็นโซลูชั่นที่ให้ประโยชน์และสร้างความคุ้มค่าต่อการจัดการสต๊อกสินค้าตามหน้าร้าน ช่วยให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และสามารถทราบผลการนับสต๊อกได้ทันทีที่ตรวจนับเสร็จโดยบริษัทฯ ได้เพิ่มงบการลงทุนสำหรับปี 2557 ขึ้นอีกกว่า 30 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตภายในสิ้นปีนี้ที่ 50% มั่นใจสามารถปิดยอดรายได้รวมตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 400 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวมภายในสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท นางดวงใจ กรโกสียกาจ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์แมเนจเม้นท์จำกัด เปิดเผยว่า “จากการที่บริษัทฯ ได้ประกาศการเปลี่ยนชื่อจากเดิม คือ บริษัท ทริพเพิลไอ ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด มาเป็น บริษัท ทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (TLM Logistics Management Co., Ltd) อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเป็นการตอกย้ำจุดยืนด้านความเชี่ยวชาญในฐานะบริษัทผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นคลังสินค้าคุณภาพเยี่ยมอย่างครบวงจร หรือ‘TLM – Ultimate Warehousing and Distribution Solution Provider’ที่เป็นของคนไทย 100% รายแรก โดยเรามุ่งเน้นให้บริการด้านการบริหารจัดการคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้า การดูแลกิจกรรมต่างๆ ภายในคลังสินค้าทั้งในเขตทั่วไปและเขตปลอดอากร รวมถึงการกระจายสินค้าและขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเกือบ 1 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้รับการตอบรับและการสนับสนุนที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่ใช้บริการของทางบริษัทฯ รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาใช้บริการของเรามากขึ้น โดยในปี 2557 นี้ เราจะเพิ่มงบลงทุนขึ้นมาอีกกว่า 30 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาธุรกิจใน 3 ด้านหลักๆได้แก่ เรื่องที่ 1. การขยายพื้นที่คลังสินค้าอีกกว่า 20,000 ตารางเมตร โดยได้เซ็นต์สัญญาสร้างคลังใหม่พื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร บนถนนบางนา ตราด กม 19 ซึ่งจากเดิมที่บริษัทฯ มีคลังสินค้าขนาดใหญ่กว่า 10 แห่งในทั่วประเทศบนพื้นที่กว่ากว่า 30,000 ตารางเมตร โดยคลังสินค้าทั้ง 10 ของเรากระจายอยู่ทั้งในเขตทั่วไปและเขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งเป็นคลังสินค้าทั้งแบบธรรมดาและแบบควบคุมอุณหภูมิ ประกอบไปด้วย1) คลังสินค้า RM3 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ใจกลางกรุงเทพมหานคร, 2) คลังสินค้า N11 ตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กม 11, 3) คลังสินค้า N12 ตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กม 12, 4)คลังสินค้า N19 ตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กม 19, 5) คลังสินค้า N23 ตัั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กม 23, 6) คลังสินค้าในเขตปลอดอากร นิคมอุตสาหกรรมบางพลี จ.สมุทรปราการ, 7) คลังสินค้าในเขตปลอดอากร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง และ 8) คลังสินค้า จ.ภูเก็ต 9) คลังสินค้า N18 ตั้งบนถนนบางนาตราด กม 19 และ 10) คลังสินค้า N22 ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรมบางพลี ซึ่งนอกจากพื้นที่คลังสินค้าแล้วเรายังได้เพิ่มการจ้างงานขึ้นอีกประมาณ 15-20% ในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานประจำคลังสินค้ารวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 200 คน” “เรื่องที่ 2 เราได้มีแผนนำพัฒนาการบริการด้านลอจิสติกส์ของเรา โดยในปีนี้ เรามีแผนนำระบบ Lean ซึ่งช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิผลที่ดีขึ้น รวมทั้งนำระบบ Kaizen, Kamban จากประเทศญี่ปุ่นเข้า และมาตรฐาน OHSAS 18001 เข้ามาเพื่อใช้การพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น” “เรื่องที่ 3 เรามีแผนพัฒนาและลงทุนในส่วนระบบโปรแกรม TMS หรือ Transportation Management System เพื่อนำมาใช้กับระบบการกระจายสินค้าของทางบริษัทฯ ทั้งนี้เพื่อให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น” “ยิ่งไปกว่านี้ บริษัทฯ ของเราได้ทำการนำร่องบริการนับสต๊อกสินค้าหน้าร้านกับลูกค้าที่ใช้บริการคลังสินค้าของเราเมื่อช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 ที่ผ่านมา และพบว่าเป็นบริการที่สามารถสร้างความพึงพอใจและความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราที่มีคุณภาพและประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมด้วยเครื่องมือและโปรแกรมนับสต๊อกที่เราพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเอง โดยเราได้รับฟี้ดแบ็คที่ดีจากลูกค้าเพราะช่วยประหยัดต้นทุน ช่วยป้องกันความผิดพลาดในการเช็คสต๊อกหน้าร้านได้มากขึ้น รวมไปถึงยังสะดวกสบายเพราะเป็นการบริการแบบถึงที่ และได้รับผลจากการรายงานภายในเวลาอันรวดเร็ว จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวบริการใหม่นี้อย่างเป็นทางการในปีนี้ โดยโปรแกรมนับสต๊อกสินค้าที่ทางทีแอลเอ็มลอจิสติกส์ฯ ได้พัฒนาขึ้นมาเองนี้ช่วยให้ทีมงานของเราสามารถเข้าทำงานนอกเวลาทำการได้เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อการขายของหน้าร้าน และเป็นการใช้ระบบ Wireless handheld ตามอย่างกระบวนการทำงานในคลังสินค้าของเรา จึงช่วยให้เกิดความแม่นยำเที่ยงตรงในการตรวจนับสินค้ายิ่งขึ้นอีกด้วย” นางดวงใจ กล่าวแนะนำบริการใหม่ “สำหรับบริการใหม่นี้ เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ เพิ่มขึ้นได้อีกทาง โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายรายได้รวมที่ 400 ล้านบาทภายในปี 2558 และเป้าหมายรายได้รวมภายในสิ้นปี 2561 หรือ 5 ปีตั้งแต่เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ อยู่ที่ 1,000 ล้านบาทได้สำเร็จตามที่ประกาศไปอย่างแน่นอนเพราะทางบริษัทฯ มีความพร้อมและมีความภาคภูมิใจในฐานะบริษัทฯ ของคนไทย 100% ที่ให้บริการด้านโซลูชั่นระบบการจัดการคลังสินค้าที่ครบวงจรและได้มาตรฐานที่สุดเทียบเท่าสากล และภายในปี 2557 นี้ ทางทีแอลเอ็ม ลอจิสติกส์ฯ ก็จะได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเรื่อยๆ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่ดีกว่าในการต่อยอดธุรกิจให้กับลูกค้าของเราต่อไป” นางดวงใจ กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ