EA ตั้ง 5 บริษัทย่อย!แยกธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ลม ใส่เกียร์ 5 เดินหน้าไม่ยั้ง มั่นใจอนาคตสดใส สถาบันการเงินพร้อมปล่อยกู้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 19, 2014 11:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--IR network บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) พร้อมลุยเต็มที่! ตั้ง 5 บริษัทย่อย จัดโครงสร้างธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ลม แยกทรัพย์สิน-หนี้สินชัด เตรียมพร้อมเสร็จสรรพขอสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน ด้านผู้บริหาร “อมร ทรัพย์ทวีกุล”มองแนวโน้มธุรกิจสดใส ทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดผลประกอบการปี”57 แจ่ม นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ 5 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท อีเอ รีนิวเอเบิล โฮลดิง จำกัด (ERH) เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ในกลุ่มธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า 2. บริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (ESP) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก 3.บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 1 จำกัด (EWHK1) บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 2 จำกัด (EWHK2) และบริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด (EWHK3) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ โดยแบ่งออกเป็น EWHK1 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา EWHK2 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช EWHK3 เป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช “การจัดตั้งบริษัทย่อย 5 บริษัท เนื่องจากบริษัทเตรียมที่จะขอสินเชื่อในรูปแบบสินเชื่อโครงการ ดังนั้นเพื่อให้สามารถแบ่งแยกทรัพย์สิน – หนี้สินแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน”นายอมรกล่าว นายอมร กล่าวถึงแนวโน้มผลประการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า คาดว่ารายได้จากไบโอดีเซลน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับใช้ B7 ส่วนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน น่าจะส่งผลทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นลดลงบ้าง แต่โดยรวมไม่น่าจะแตกต่างจากครึ่งปีแรกมากนัก ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังในส่วนของโรงไฟฟ้า บริษัทพยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตไฟให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทจะพยายามปรับปรุงระบบการผลิตให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อผลักดันรายได้ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น “การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ถือว่าบรรลุตามที่ได้วางแผน โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ผลการดำเนินการในครึ่งปีแรกของบริษัทมีกำไรที่ปรับเพิ่มสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน”นายอมรกล่าวในที่สุด ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/2557 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมรายได้รวม 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 842 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 408.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 575% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 60.50 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า 90MW ที่นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ