กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
ยูพีเอสเผยผลสำรวจ “แนวโน้มการผลิตและการค้าของญี่ปุ่น” ของยูพีเอส ซึ่งจัดทำเป็นครั้งแรก เจาะลึกถึงแนวโน้มปัจจุบันและอนาคตของอุตสาหกรรมการผลิตญี่ปุ่นในบริบทของการค้าและโลจิสติกส์ระดับโลก ย้ำภาคการผลิตญี่ปุ่นยังคงย้ายฐานการผลิตสู่นอกประเทศต่อเนื่อง ความสำคัญของโลจิสติกส์และโอกาสในการปรับปรุงและลดขั้นตอนซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้แข่งขันได้ และตลาดการค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เค เค เหลียง ประธาน นอร์ธดิสทริค ยูพีเอส เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ภาคการผลิตในเอเชียกำลังปรับตัวต่อเนื่องในขณะที่ความต้องการของตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่ดี ธุรกิจด้านการผลิตจำเป็นต้องหาวิธีที่จะแข่งขันในภาวะตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยูพีเอสร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจต่าง ๆ ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงมากว่า 26 ปีแล้ว ด้วยการสนับสนุนด้านข้อมูลเชิงลึกถึงความต้องการเฉพาะของธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ประกอบการด้านการผลิตสามารถวางกลยุทธ์สู่ความสำเร็จในระยะยาวได้”
การค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากผลสำรวจของยูพีเอส จีนคือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยสัดส่วนการส่งออก 81.3% และนำเข้า 76% ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 40% เห็นว่าจีนคือตลาดที่สำคัญที่สุดของตน อันดับสองคือสหรัฐอเมริกา (20.4%) และอันดับสามคือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (16.8%)
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองอนาคต ถึงหนึ่งในสี่ของบริษัทด้านการผลิตของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าอาเซียนจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในแวดวงการค้าภายในภูมิภาคในอนาคต โดยเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวจากระดับในปัจจุบัน
เอ็ดมันด์ โล กรรมการผู้จัดการ ยูพีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “ผลการสำรวจของเราย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งระหว่างไทยและญี่ปุ่น จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่นคือคู่ค้าอันดับสอง และผู้ลงทุนจากต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของไทย แนวนโยบายการค้าของญี่ปุ่นจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ตลอดจนภาคการผลิตของไทยในระยะยาว”
โลจิสติกส์และความจำเป็นในการปรับปรุงและลดขั้นตอนซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจ
ผู้ตอบแบบสอบถาม 88.6% เห็นว่าโลจิสติกส์ซึ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจและการค้าในระดับนานาชาติ “มีความสำคัญ” อย่างไรก็ตาม 53.7% บอกว่าตนยังปรับปรุงและลดขั้นตอนซับซ้อนในระบบโลจิสติกส์ของตนไม่สำเร็จ
จากผลสำรวจยูพีเอส ผู้ตอบแบบสอบถาม 74% ตอบว่าธุรกิจของตนใช้โหมดการขนส่งสองโหมดหรือมากกว่านั้นในการส่งออกสินค้า ในขณะที่ 71% ใช้โหมดการขนส่งสองโหมดหรือมากกว่านั้นในการนำเข้าสินค้า
“การสำรวจของเราชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตเห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่รวดเร็ว ฉับไวยิ่งขึ้น เพราะแหล่งผลิตและจุดหมายปลายทางของสินค้าของตนกำลังขยายออกสู่ต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยขั้นตอนโลจิสติกส์ที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น บริการมัลติโมเดลและโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ของยูพีเอสจะช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบซัพพลายเชนของผู้ผลิตและขยายธุรกิจไปทั่วโลกได้” เหลียงสรุป