10 สุดยอดแนวโน้มเทคโนโลยีที่เป็นกลยุทธ์ของปี 2015

ข่าวเทคโนโลยี Friday December 19, 2014 18:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--AMR Asia 10 สุดยอดแนวโน้มเทคโนโลยีที่เป็นกลยุทธ์ของปี 2015 ที่ Gartner ระบุว่ามีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กรในอีก 3 ปีข้างหน้า ปัจจัยที่เป็นผลกระทบมีตั้งแต่ การหยุดชะงัก ของธุรกิจ ของผู้ใช้งานหรือของฝ่ายไอที ความต้องการเงินลงทุนขนานใหญ่ หรือ ความเสี่ยงจากการเป็นผู้ที่ล้าหลัง เทคโนโลยีต่อไปนี้จะส่งผลต่อแผนงานและโครงการระยะยาวขององค์กร "แนวโน้มเทคโนโลยีทั้ง 10 นี้ องค์กรไม่อาจละเลยที่จะบรรจุไว้ในกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้ แม้ว่าองค์กรจะไม่ถึงขั้นต้องรับเอาแนวโน้มทุกอย่างไปและลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ก็ควรจะพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบภายใน 2 ปีข้างหน้า" สุดยอดแนวโน้มเทคโนโลยีทั้ง 10 ประจำปี 2015 นี้ครอบคลุม 3 หัวเรื่องใหญ่คือ การหลอมรวมกันของโลกจริงและโลกเสมือน การมาถึงของความเฉลียวฉลาดที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และ ผลกระทบทางเทคโนโลยีของการเคลื่อนสู่ธุรกิจดิจิตอล 10 สุดยอดแนวโน้มเทคโนโลยีที่เป็นกลยุทธ์ของปี 2015 ได้แก่ 1. Computing Everywhere แม้ว่าอุปกรณ์พกพาจะยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง Gartner พยากรณ์ว่าต่อจากนี้จะมุ่งเน้นที่การตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่มีความหลากหลายทั้งด้านเนื้อหาและสภาพแวดล้อมมากกว่า 2. The Internet of Things ข้อมูลที่พรั่งพรูจากอุปกรณ์ดิจิตอลจะก่อให้เกิดการใช้งาน 4 รูปแบบคือ การบริหารจัดการ การคิดค่าใช้จ่าย การควบคุม และ การขยายผล ซึ่งรูปแบบการใช้งานทั้ง 4 จะประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตได้ 4-5 ชนิด คือ สินทรัพย์ บริการ บุคคล สถานที่ และ ระบบ 3. 3D Printing คาดกันว่ายอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ 3 มิติซึ่งมีราคาย่อมเยาว์จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2015 ก่อให้เกิดขยายการใช้งานไปตามอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ อย่างรวดเร็ว เช่น ชีวการแพทย์ การทำสินค้าต้นแบบ และ การผลิดปริมาณน้อยๆ 4. Advanced, Pervasive and Invisible Analytics การวิเคราะห์เชิงลึกหรือ Analytics จะได้เป็นพระเอกเนื่องด้วยมีการผลิตข้อมูลจากระบบต่างๆ ทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกองค์กรเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมหาศาล องค์กรจะต้องสามารถบริหารจัดการและกลั่นกรองข้อมูลให้ได้เป็นผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์จริงๆ กับแต่บุคคล 5. Context-Rich Systems ระบบที่ปราดเปรื่องรอบรู้ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะและการวิเคราะห์เชิงลึก จะเป็นระบบที่สามารถแจ้งเตือนไปยังสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวและสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม 6. Smart Machines จักรกลอันชาญฉลาด เช่น รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ล้ำสมัย ผู้ช่วยเสมือน จะถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ยุคของผู้ช่วยที่เป็นจักรกล จักรกลอันชาญฉลาดจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไอทีไปอย่างสิ้นเชิง 7. Cloud/Client Computing การผนวกเข้ากันของการประมวลผลคลาวด์กับอุปกรณ์พกพาจะกระตุ้นการเติบโตของซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ประสานงานจากส่วนกลาง Cloud เป็นการประมวลผลสมัยใหม่ที่สามารถขยับขยายได้และเป็นบริการด้วยตนเอง ต่อไปซอฟต์แวร์ทั้งที่ใช้ภายในและภายนอกองค์กรจะใช้การประมวลผลสมัยใหม่นี้ 8. Software-Defined Applications and Infrastructure การใช้ชุดคำสั่งโปรแกรมมิ่งไปกำหนด infrastructure ต่างๆ เช่น network, storage, data center และความปลอดภัย จะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อองค์กรเพื่อให้มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจดิจิตอล ธุรกิจดิจิตอลมักมีการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการอย่างรวดเร็วจึงจะต้องมีการขยับขยายเพิ่ม หรือ ลด ขนาดของระบบอย่างรวดเร็วด้วย 9. Web-Scale IT เป็นการประมวลผลทั่วโลกที่อาศัยขีดความสามารถของผู้ให้บริการ cloud ขนาดใหญ่ จะมีองค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่ิอยๆ ที่ได้เริ่มคิด ลงมือ และสร้างซอฟต์แวร์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์อย่าง Facebook 10. Risk-Based Security and Self-Protection แม้ว่าถนนดิจิตอลแห่งอนาคตทุกๆ สายจะมุ่งสู่ประเด็นความปลอดภัย แต่ในโลกของธุรกิจดิจิตอลประเด็นความปลอดภัยก็ไม่อาจเป็นสิ่งกีดขวางที่จะหยุดยั้งความก้าวหน้าได้ องค์กรจะรับรู้ว่าไม่มีระบบอะไรที่จะปลอดภัย 100 % เมื่อองค์กรยอมรับเช่นนี้แล้วก็จะประเมินความเสี่ยงเข้มข้นขึ้นและเพิ่มเครื่องมือในป้องกันความปลอดภัยมากขึ้น ที่มา: http://www.whitespace-cloud.com, http://goo.gl/WXwK9k
แท็ก ไอที  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ