Ericsson Mobility Report ชี้ การใช้เครื่อข่าย 5G จะพุ่งสูงกว่า 150 ล้านใน 5 ปี

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday November 25, 2015 17:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--อีริคสัน · เครือข่าย 5G จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถบุกเบิกโอกาสทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น การใช้เครื่อข่าย 5G จะมีมากกว่า 150 ล้านในปี 2564 · เครือข่าย 5G จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถบุกเบิกโอกาสทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น · ปริมาณแทรฟฟิคการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายโมบายทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากถึง 10 เท่าตัวในปี 2564 โดยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลทั้งหมดจะเป็นวิดีโอ · การรับชมวิดีโอผ่านเครือข่ายโมบายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นจะทำให้การใช้งานโมบายดาต้าของสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 6 เท่าตัวภายใน 5 ปี หรือในปี 2564 · เมื่อผู้บริโภคมีการเปลี่ยนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะส่งผลให้มีการใช้ดาต้ารับส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นระหว่าง 20% และ 45% · ณ ปัจจุบัน การใช้เครือข่ายโมบายบรอดแบนด์จะเพิ่มขึ้น 20 รายในทุกๆ วินาที โดยจะเป็นการเปิดใช้บริการ LTE ถึง 15 ราย · ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) นั้นระบบ ICT จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเท่ากับปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสหรัฐอเมริกากับสหภาพยุโรปรวมกันในปัจจุบัน อีริคสันได้เปิดเผยรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด โดยมีการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของเครือข่าย 5G และคาดการณ์ว่าจะมีการใช้งาน 5G สูงถึง 150 ล้านภายในปี 2564 ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกาต่างเป็นประเทศที่คาดว่าเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่จะมีปริมาณการใช้งาน 5G ที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในโลก โดยเครือข่าย 5G นี้จะช่วยให้อุปกรณ์ประเภทใหม่ๆ สามารถเชื่อมต่อสื่อสารและเข้าหากันได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดรูปแบบการใช้งานสื่อสารใหม่ๆ ที่จะรองรับ Internet of Things (IoT) อีกทั้งยังเปิดประตูให้กับอุตสาหกรรมและวงการต่างๆ ได้สามารถบุกเบิกและสร้างโอกาสทางธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้นผ่านความก้าวหน้าของระบบICT อีกด้วย รายงานฉบับนี้ซึ่งพูดถึงข่าวคราวเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ๆ ของการใช้เครือข่ายโมบายได้เผยถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญของการดูวิดีโอผ่านเครือข่ายเคลื่อนที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดปริมาณการรับส่งข้อมูลต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 6 เท่าในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป (ปี 2558 ถึง 2564) โดยปริมาณการรับส่งข้อมูลต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องในอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นจาก 3.8 เป็น 22 กิกะไบต์ในหนึ่งเดือนเมื่อถึงปี 2564 ส่วนในแถบยุโรปตะวันตกนั้นจะเพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น 18 กิกะไบต์ต่อเดือน และในภาคพื้นเอเชีย จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.9 กิกะไบต์ต่อเดือน ณ ปัจจุบัน จะมีการใช้เครือข่ายโมบายบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น 20 เครื่องในทุกๆ วินาที โดยจะเป็นการเปิดใช้บริการ LTE มากถึง 15 รายโดยการใช้งานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนี้เองได้ทำให้ปริมาณแทรฟฟิคการรับส่งข้อมูลมีมากขึ้นตามไปด้วย หากพิจารณาในปัจจุบัน จำนวนการใช้งานโทรศัพท์โมบายทั่วโลกนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับจำนวนประชากรบนโลก แต่ในปี 2559 จำนวนการใช้งานแค่สมาร์ทโฟนอย่างเดียวจะแตะ 4 พันล้านอย่างแน่นอน นางริม่า คิวชิ Senior Vice President & Chief Strategy Officer ของ Ericsson กล่าวว่า "5G นั้นจะเป็นมากกว่าเครือข่ายโมบายความเร็วสูง แต่มันจะทำให้ Internet of Things เกิดขึ้นได้จริงในอุตสหกรรมต่างๆ โดยอีริคสันได้สร้างอุปกรณ์ต้นแบบเพื่อใช้ในการทดสอบการนำ 5G ร่วมกับระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับระบบการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะสามารถช่วยการประหยัดทรัพยากรต่างๆ ลดการปัญหาการจราจร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยอีริคสันเชื่อว่าระบบ ICT จะยิ่งถูกนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น เมื่อระบบ 5G สามารถนำมาใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้นี้" ประเด็นหลักๆ จากรายงานฉบับนี้ ได้แก่ · แทรฟฟิคการรับส่งข้อมูลส่วนใหญ่ทั่วโลกจะอยู่ในรูปแบบวิดีโอ คาดว่าปริมาณแทรฟฟิคการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายโมบายทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากถึง 10 เท่าตัวในปี 2564 โดยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลทั้งหมดจะเป็นวิดีโอ และในปัจจุบัน การเข้าดูวิดีโอผ่านเว็บไซต์ YouTube มีปริมาณสูงถึงร้อยละ 70 ของการดูทั้งหมด ในขณะที่การรับชมวิดีโอแบบเสียเงินรายเดือน เช่น Netflix สูงถึงร้อยละ 20 ในตลาดต่างๆ ที่มีการให้บริการ · สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่มีการใช้ LTE มากที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกา เมื่อถึงปลายปี 2558 สาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีการใช้งานLTE สูงถึง 350 ล้าน นับเป็นปริมาณกว่าร้อยละ 35 ของการใช้งาน LTE ทั้งโลกรวมกัน ยังมีการคาดการณ์ไว้ด้วยว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีปริมาณการใช้กว่า 1.2 พันล้านใน 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2564 · แอฟริกากลายเป็นทวีปที่มีการใช้โมบายอย่างทั่วถึงมากขึ้น ห้าปีที่แล้ว (ปี 2553) มีการใช้งานเครือข่ายโมบายประมาณ 500 ล้านเครื่องทั่วทั้งแอฟริกา เมื่อถึงสิ้นปี 2558 นั้นตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 1 พันล้านเครื่อง โดยการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโมบายนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสด้านธุรกิจการเงินออนไลน์ให้กับผู้ที่ไม่มีบัญชีเงินฝากเป็นของตัวกว่าร้อยละ 70 ในทวีปอีกด้วย · ICT จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ระบบ ICTจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานและลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยการลดการปล่อยก๊าซคิดเป็นคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยรวมอาจจะมากถึง 10 กิกะตันเลยทีเดียว ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 15 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในปี 2573 หรือมากกว่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปรวมกันเสียอีก นอกจากรายงานแล้วยังมีภาคผนวกเรื่องเทรนด์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายโมบาย โดยอธิบายถึงเทรนด์และกลยุทธ์ทางธุรกิจ ของผู้ให้บริการเครือข่ายโมบายที่ประสบความสำเร็จจากทั่วโลก ในการสร้างรายได้และโอกาสจากการเติบโตของการใช้งานโมบายบรอด์แบรนด์และปริมาณแทรฟฟิคที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ รายงาน Ericsson Mobility Report เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลแทรฟฟิคของเครือข่ายโมบาย โดยมีการวัดข้อมูลในเชิงลึกจากเครือข่ายใช้งานต่างๆ ทั่วโลก โดยรายงานได้นำผลการวัดค่าต่างๆ ของเครือข่ายมาวิเคราะห์เชิงลึกร่วมกับการคาดการณ์ภายในและผลการศึกษาวิจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกในปัจจุบันและแนวโน้มของตลาดในเครือข่ายสังคมหรือ Networked Society นั่นเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ