กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--เค พลัส พีอาร์
"เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป"ฉลองครบรอบ 15 ปี โชว์ผลงานเยี่ยมครองตำแหน่งเจ้าตลาดเครื่องคอมประกอบ สินค้ากลุ่ม Gaming Gear ขาดลอย แถมนั่งกลางใจลูกค้าในฐานะร้านค้าปลีกเทคโนสุดล้ำ หลังขยายฐานเข้ากลุ่มลูกค้าระดับกลางบนสำเร็จ หนุนตัวเลขกำไรโตแซงหน้ารายได้ท่ามกลางกำลังซื้อถดถอย ประกาศปีที่ 16 พร้อมลุยขยายฐานลูกค้าครบทุกกลุ่มเป้าหมาย เน้นบุกหนักช่องขายออนไลน์ รับไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคดิจิตอล ที่หันช้อปผ่านหน้าจอ คุยเพียง 3 ชั่วโมงส่งสินค้าถึงมือทันที มั่นใจปีที่ 16 เป็นปีทองอีกปีของ เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป
นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำในธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบ และผู้บริหารร้านค้าปลีกสินค้าไอทีครบวงจรภายใต้ชื่อ เจไอบี (JIB)ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมภายใต้ชื่อ mine และ JIB Online ร้านค้าไอทีไลฟ์สไตล์ ช้อปได้เพียงปลายนี้วสัมผัสผ่าน www.jib.co.th เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 15 ปี บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัดว่า ถือเป็นอีกปีที่บริษัทประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งในด้านยอดขายที่สามารถทำให้เติบโตได้ในอัตราที่สูงกว่าตลาดรวมของธุรกิจไอทีทั้งระบบ และกำไรขั้นต้นที่เติบโตทะลุ 15% ได้สำเร็จ หลังจากที่ในปีที่ 15 ที่ผ่านมา ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมากมายใน เจ.ไอ.บี. โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของบริษัทที่ล้ำและทันสมัยยิ่งขึ้น เห็นได้จากเสียงตอบรับของลูกค้าจากการจัดงานในแต่ละครั้ง และรูปแบบการจัดร้านใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และมีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมลูกค้าครบทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้ามืออาชีพ/ไฮเอ็นด์ และกลุ่มลูกค้า Online ที่สามารถซื้อสินค้าได้จากที่บ้าน
"ในปีที่ 15 ถือว่าเป็นอีกปีที่ เจ.ไอ.บี.ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งด้านภาพลักษณ์และผลประกอบการ โดยเฉพาะการยอมรับจากลูกค้าในฐานะร้านค้าไอทีที่มีบุคลิกล้ำ ทันสมัย และโดดเด่น ซึ่งเป็นเพราะกลุ่มสินค้า Gaming Gear ที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างกว้างขวางในฐานะเจ้าตลาดในสินค้ากลุ่มนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบ (D.I.Y) ที่กลุ่มเครื่องสเปคสูงมีดีไซน์ มีสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้บริษัทต้องขยายช่องทางการขายให้สอดคล้องกับทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งร้าน J.I.B. ที่เปิดเพิ่มในศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัล และร้านไอทีไลฟ์สไตล์ภายใต้ชื่อ mine ที่ปัจจุบันเปิดแล้วถึง 3 สาขา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันช่องทางขายผ่านออนไลน์ ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันบริษัทได้ปรับเวลาส่งสินค้าจาก 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นในเขตกรุงเทพฯ ถือเป็นการจัดส่งที่เร็วที่สุดในการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในปัจจุบัน"
นายสมยศ กล่าวอีกว่า ในปีที่ 15 ที่ผ่านมานี้ เจ.ไอ.บี.ไม่เพียงเติบโตอย่างโดดเด่นในช่องทางขายและกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่เดิม แต่ยังได้เพิ่มช่องทางขายและขยายฐานธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ที่มีอยู่มากกว่า 20,000 ร้านทั่วประเทศ โดย เจ.ไอ.บี.ได้เปิดตัวร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ ต้นแบบที่เป็นอินเทอร์เน็ต คาเฟ่สายพันธุ์ใหม่ลงสู่เป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ mine Cafe ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะเปิดสาขาที่สองในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นยังได้เปิดช่องทางขายกลุ่ม I-Cafe ขึ้นเพื่อนำเสนอสินค้าให้กับผู้ประกอบการร้านอินเทอร์เน็ตด้วยข้อเสนอที่พิเศษสุดทั้งด้านราคาสินค้า การสนับสนุนจากแบรนด์ ระยะเวลาการรับประกัน การให้บริการก่อนและหลังการขาย ตลอดจนการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว ซึ่งภายหลังการเปิดรับสมัครสมาชิก I-Cafe พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการร้านอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ลงทำตลาดในกลุ่มคอมพิวเตอร์ เคส (Computer Case) ที่เป็นชุดน้ำ Modding มีดีไซน์ และสามารถใช้งานได้จริงภายใต้ชื่อ mine Xtream โดยผู้เชี่ยวชาญจาก เจ.ไอ.บี. ทำให้ปัจจุบัน เจ.ไอ.บี. ไม่ได้เป็นเพียงร้านจำหน่ายสินค้าไอทีอย่างครบวงจรเช่นในอดีต แต่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้เชี่ยวชาญในสินค้าและอุปกรณ์ไอที ทั้งสินค้ากลุ่มไฮเทคโนโลยี Gamimg Gear กลุ่มไฮเอ็นด์ กลุ่มสำหรับร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ และกลุ่ม Modding มีดีไซด์ สเปคแรง สามารถรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งระดับบุคคล ผู้ประกอบการ และธุรกิจเอส เอ็ม อี
ส่วนในปีที่ 16 นี้ นายสมยศกล่าวว่า เจ.ไอ.บี.จะต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ ทั้งความเป็นผู้เชี่ยวชาญ และช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าอย่างกว้างขวาง สร้างประโยชน์และสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้งในเขตกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค โดยร้าน J.I.B. จะไม่เป็นเพียงร้านขายสินค้าแต่จะเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้กับธุรกิจค้าส่งอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ส่วนช่องทางออนไลน์จะขยายพื้นที่ ที่สามารถจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ภายใน 3 ชั่วโมงในเขตกรุงเทพฯให้กว้างขวางขึ้น ในขณะเดียวกันการจัดจำหน่ายสินค้าไปยังลูกค้ากลุ่มต่างๆ จะมีการแยกเป็นกลุ่ม (Segmentation) อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มได้รับการบริการที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะลูกค้าจะได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อเทียบกับการให้บริการแบบเดิมที่มีอยู่ในท้องตลาดที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่าในปีที่ 16 เจ.ไอ.บี.จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งยอดขายและกำไรได้อย่างแน่นอน