แอ็กซิสเผย การลงทุนสร้างความปลอดภัย เพื่อเมืองอัจฉริยะแบบ IoT กำลังโต

ข่าวเทคโนโลยี Monday September 25, 2017 14:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ การปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Tranformation ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม สร้างผลกระทบไม่น้อยในโลกธุรกิจ และไม่เพียงเท่านั้น การปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัลยังสร้างแรงกดดันขยายไปสู่การปรับตัวด้านบริหารจัดการของภาครัฐ ผลการสำรวจล่าสุดจาก IDC พบว่า หลายๆ เมืองใหญ่ในยุโรปเห็นความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเชื่อมโยงบริการจากภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน โดยมีInternet of Things (IoT) หรือเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นอันดับแรก หน่วยงานรัฐปรารถนาที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาภายในชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือนิยามของ "สมาร์ท ซิตี้" หรือ "เมืองอัจฉริยะ" นั่นเอง บทบาทของกล้องวิดีโอในสมาร์ทซิตี้ "ความปลอดภัยในชุมชนคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะ" นายแมกนัส เซเดอร์เฟลด์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ บริษัท แอ็กซิส คอมมูนิเคชั่นส์ กล่าว"จากการศึกษารัฐบาลของหลายๆ เมือง พบว่าความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับแรกสำหรับพวกเขาในการลงทุนด้านเทคโนโลยีและแอพพลิเคชั่น IoT โดยมีกล้องวงจรปิดแบบเครือข่ายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของการลงทุนที่ช่วยให้หลายๆ เมืองสามารถพัฒนาความสามารถจากการรับรู้สถานการณ์อย่างง่ายๆ ไปสู่การคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ก่อนเกิดขึ้นจริง และวางแผนป้องกันล่วงหน้าได้" กล้องวงจรปิดแบบเครือข่ายสามารถแสดงข้อมูลได้ในแบบเรียลไทม์ ด้วยภาพความละเอียดที่คมชัด ทั้งยังสามารถนำเสนอออกมาเป็นข้อมูลเชิงลึกโดยใช้แอพพลิเคชั่นวิเคราะห์ภาพวิดีโอ นอกจากนี้ จากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่ากล้องวงจรปิดเป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้คลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมและยังมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน สำหรับเมืองอัจฉริยะ การลงทุนในระบบวิดีโอเครือข่ายและการแชร์ข้อมูลกันระหว่างหน่วยงาน เช่น กรมการขนส่งและจราจร กรมสิ่งแวดล้อม ตำรวจ และหน่วยบริการฉุกเฉิน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และยังจะเป็นต้นแบบสู่แผนงาน IoT อื่นๆ ที่จะเป็นการปรับปรุงการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของเมือง ตลอดจนการบริหารจัดการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะ การติดตามสภาวะสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบไฟถนนอัจฉริยะ เป็นต้น ตัวอย่างแอพพลิเคชั่นสำหรับเมืองอัจฉริยะที่ต่อยอดมาจากการติดตั้งกล้องวงจรปิดระบบเครือข่าย ซึ่งพัฒนาโดยแอ็กซิส ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์ได้มากกว่าความปลอดภัย ได้แก่ ระบบตรวจสอบความคล่องตัวของการจราจรที่สามารถปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรได้ในทันทีเพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรทางถนน และระบบชี้แนะทางดิจิทัล (digital guidance system)ซึ่งเมือง Utrecht ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้นำกล้องวงจรปิดมาบูรณาการเพื่อช่วยเหลือนักปั่นในการค้นหาตำแหน่งว่างสำหรับจอดจักรยาน เป็นต้น สมาร์ทซิตี้และการตกเป็นเป้าโจมตีทางไซเบอร์ ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีไม่เพียงแต่ช่วยให้เมืองสามารถพัฒนาสู่สมาร์ทซิตี้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความเสี่ยงและความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ทางด้านเทคโนโลยี IDC ระบุว่าระบบไอทีของเมืองต่างๆ กำลังตกเป็นเป้าของการโจมตีทางไซเบอร์ และภายในปี 2560 นี้ จะมีเมืองขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่อย่างน้อยหนึ่งเมืองได้รับผลกระทบรุนแรงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้การบริหารจัดการเมืองขาดประสิทธิภาพและความคล่องตัวตลอดทั้งวัน "ความเป็นเมืองอัจฉริยะทำให้เส้นกั้นระหว่างความเป็นส่วนตัวและสาธารณะจางหายไป นั่นจึงทำให้เมืองตกเป็นเป้าของการโจมตีได้ง่ายขึ้น" นายแม็กนัส กล่าว "การปรับบริการต่างๆ ของเมืองสู่ระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT สำหรับไฟจราจร ท่อประปา ท่อน้ำเสีย ท่อส่งพลังงาน เสาไฟ หรือแม้แต่การติดตั้งอุปกรณ์ GPS ในรถประจำทาง รถตำรวจ โดรน หรือแม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเมืองในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริการประชาชน และการวางแผนการกระจายตัวของเมือง แต่เมื่อแพลทฟอร์ม ระบบสารสนเทศ และเซนเซอร์ต่างๆ เหล่านี้ถูกผูกรวมไว้ด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความท้าทายใหม่ที่ตามมาคือ ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์" กล้องวงจรปิดระบบเครือข่ายอาจถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายถ้าไม่ได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่ากล้องวงจรปิดที่ใช้มีความปลอดภัย (security) และต้านทานต่อการบุกรุกและโจมตีจากภายนอก (resilience) เจ้าหน้าที่ของเมืองต้องมั่นใจได้ว่า หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดตั้งหรือใช้งานกล้องวงจรปิดภายในเมือง หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งข้อมูลต่างๆ จากอุปกรณ์กล้องวงจรปิดของตนให้กับศูนย์กลางการควบคุมของเมือง ปฏิบัติตามแนวทางมาตรฐานด้านความปลอดภัยเดียวกัน ในทำนองเดียวกัน การออกแบบ ติดตั้ง และใช้งานโซลูชั่นกล้องวิดีโอระบบเครือข่าย ควรจะเลือกใช้โซลูชั่นในแบบเดียวกันทั้งระบบ (end-to-end) ตั้งแต่อุปกรณ์กล้องวงจรปิด ระบบบริหารจัดการภาพจากกล้อง ตลอดจนระบบวิเคราะห์ภาพจากวิดีโอ เพื่อลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย พร้อมกันนั้นควรทดลองตรวจสอบการเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินช่องโหว่และจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการขยายตัวของการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ภายในเมือง นายแม็กนัส กล่าวทิ้งท้ายว่า "ผู้มีส่วนรับผิดชอบในการติดตั้งอุปกรณ์ IoT ของเมืองควรทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ที่ให้บริการด้านโซลูชั่นกล้องวงจรปิดระบบเครือข่าย เพื่อทำความเข้าใจแนวทางในการเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้งานอยู่ เช่น การตรวจสอบและอัพเดทเฟิร์มแวร์สม่ำเสมอ การกำหนดจำนวนผู้เข้าถึงระบบเทคโนโลยีและข้อมูลของอุปกรณ์ การปิดฟังก์ชั่นการใช้งานบางบริการที่ไม่จำเป็น การตั้งค่ากรอง IP Address และการตั้งค่าตรวจสอบ SNMP เป็นต้น และแม้ว่าเราจะมั่นใจในระบบความปลอดภัยของอุปกรณ์เพียงใด เหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แผนกลยุทธ์เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงวิกฤตจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เมืองอัจฉริยะหลายแห่งไม่ควรมองข้าม"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ