พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 08 ตุลาคม 2557 - 14 ตุลาคม 2557

ข่าวทั่วไป Thursday October 9, 2014 08:53 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 08 ตุลาคม 2557 - 14 ตุลาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อย ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตก และตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ต่อจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา อากาศเย็น และมีลมแรง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

-ในระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศจะแปรปรวนโดยอุณหภูมิจะลดลงในบางช่วง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์เอาไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ผู้ที่ปลูกพืชผักและไม้ดอก ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคราสนิม และโรครากเน่า เป็นต้น โดยหมั่นสำรวจ ตัดแต่ง และถอนต้นพืชที่เป็นโรคทิ้งและนำไปทำลายเพื่อมิให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-9 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ วนมากบริเวณด้านตะวันตก และตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ต่อจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา อากาศเย็น และมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง โดยทางตอนบนของภาคอุณหภูมิจะเริ่มลดลงในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ถ้าร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์สำหรับกันหนาว และจัดทำแผงกำบังลมหนาวให้สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วย
  • แม้ปริมาณฝนจะลดลงแต่ความชื้นในดินยังคงมีอยู่ ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะปลายฤดูฝนควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8-11 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลงเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรอบใหม่หลังการทำนา ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย และควรชุบท่อนพันธุ์หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา เนื่องจากระยะนี้ในดินยังคงมีความชื้นสูง
  • นอกจากนี้ เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่อจากในระยะต่อไปปริมาณ และการกระจายของฝนจะเริ่มลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8-11 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส

  • ในระนี้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงอาจทำให้เกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ชาวนาควรระวังการระบาดของโรคไหม้ ในข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต โดยหมั่นสำรวจแปลงนาหากพบควรรีบกำจัดก่อนที่ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ส่วนชาวสวนผลไม้ และสวนยางพารา ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน และพืชผลการเกษตร
  • สำหรับผู้ที่ทำประมงชายฝั่งบริเวณอ่าวไทยตอนบนควรระวังสภาพน้ำเปลี่ยนแปลงทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและช็อกตายได้หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 8-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน และพืชผลการเกษตร
  • สำหรับผู้ที่ทำประมงชายฝั่งบริเวณอ่าวไทยตอนบนควรระวังสภาพน้ำเปลี่ยนแปลงทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและช็อกตายได้หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8 – 11 ต.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ