พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 29 มกราคม 2559 - 04 กุมภาพันธ์ 2559

ข่าวทั่วไป Friday January 29, 2016 14:14 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 29 มกราคม 2559 - 04 กุมภาพันธ์ 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด ณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย
  • สำหรับหมอกและน้ำค้างในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชตะกูลแตงและกะหล่ำ ราแป้งในกุหลาบ และราสนิมในเบญจมาศตัดดอก นอกจากนี้ ไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ปีกอาจเป็นหวัดได้ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบสัตว์ที่เป็นโรคให้แยกทำการรักษา ก่อนจะระบาดไปยังตัวอื่นๆ
  • สำหรับหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชตระกูลพริกและข้าวโพดหวาน ราแป้งในกุหลาบ และราสนิมในต้นหม่อนเลี้ยงไหม

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ มีปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะดอกบานและเริ่มติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยไว้ด้วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ยังมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะดอกบานและเริ่มติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดลูกลดลง ผลผลิตเสียหาย รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
  • ในช่วงที่มีหมอกจะทำให้การระบาดของโรคราดำในมะม่วงเพิ่มมากขึ้น ชาวสวนควรหมั่นสำรวจ หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรฉีดพ่นด้วยน้ำหรือน้ำส้มควันไม้จะทำให้การระบาดลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ช่วงนี้ทางตอนบนและฝั่งตะวันตกของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากสั้น เช่น พืชไร่และผักชนิดต่างๆ อย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคยังคงมีฝนตกหนัก พื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม เกษตรควรดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1 - 4 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นประมาณสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

  • ช่วงนี้ทางตอนบนและฝั่งตะวันตกของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากสั้น เช่น พืชไร่และผักชนิดต่างๆ อย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ