พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 20 กรกฎาคม 2559 - 26 กรกฎาคม 2559

ข่าวทั่วไป Wednesday July 20, 2016 13:47 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 20 กรกฎาคม 2559 - 26 กรกฎาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-23 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปีสภาพอากาศมีความชื้น : ระวังโรคไหม้ หนอนกระทู้กล้า ส่วนเกษตรกรที่เริ่มทำนาไม่ควรหว่านกล้าแน่นเกินไป
  • พืชไร่ และ พืชผักสภาพอากาศมีความชื้น : ระวังโรคราน้ำค้าง โรคใบไหม้ โรคราสนิม หนอนเจาะลำต้น หนอนกระทู้
  • กาแฟสภาพอากาศชื้นสูง :โรคราสนิม โรคเน่าคอดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-26 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปีสภาพอากาศมีความชื้น : ระวังโรคไหม้ ส่วนเกษตรกรที่เริ่มทำนาไม่ควรหว่านกล้าแน่นเกินไป
  • พืชผักชนิดต่างๆสภาพอากาศชื้นสูง :โรคเน่า และโรค ราน้ำค้าง หนอนเจาะลำต้น หนอนกระทู้ผัก
  • มันสำปะหลังอาจมีน้ำท่วมขัง :โรคหัวเน่าโคนเน่า โรคใบไหม้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-26 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าว ระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน และโรคไหม้
  • สุกร สภาพอากาศชื้นสูง : โรคไข้หวัดสุกร ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่งให้อากาศถ่ายเท เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย
  • กล้วยไม้ สภาพอากาศชื้นสูง : โรคจุดสนิม โรคเน่าดำ โรคยอดเน่า

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 20 - 22 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผลสภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง :โรครากเน่าโคนเน่า หนอนกินใบ และหนอนเจาะลำต้น
  • พริกไทยดินมีความชื้นสูง :โรครากเน่า โคนเน่า
  • สัตว์ปีกสภาพอากาศชื้นสูง : โรคหวัด ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท สะดวก

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 20 - 22 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผลป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน โดยตัดผลที่มีโรคและศัตรูพืชทำลาย และระวังโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน และราแป้งในเงาะ
  • กาแฟสภาพอากาศชื้นสูง : ระวังโรคราสนิม
  • ยางพาราสภาพดินและอากาศมีความชื้นสูง : ระวังป้องกันโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรครากขาว โรคราสีชมพู โรคเส้นดำ
  • สัตว์เท้ากีบอาจมีน้ำท่วมขัง :โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะ
  • สัตว์น้ำ (ในบ่อ)มีฝนตกหนัก : เสริมขอบบ่อไม่ให้น้ำฝนไหลลงบ่อ และเปิดเครื่องตีน้ำหลังฝนตก เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ เพิ่มออกซิเจน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 20 - 22 ก.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-26 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผลป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน โดยตัดผลที่มีโรคและศัตรูพืชทำลาย และระวังโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน และราแป้งในเงาะ
  • กาแฟสภาพอากาศชื้นสูง : ระวังโรคราสนิม
  • ยางพาราสภาพดินและอากาศมีความชื้นสูง : ระวังป้องกันโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรครากขาว โรคราสีชมพู โรคเส้นดำ
  • สัตว์เท้ากีบอาจมีน้ำท่วมขัง :โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะ
  • สัตว์น้ำ (ในบ่อ)มีฝนตกหนัก : เสริมขอบบ่อไม่ให้น้ำฝนไหลลงบ่อ และเปิดเครื่องตีน้ำหลังฝนตก เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ เพิ่มออกซิเจน

หมายเหตุhttp://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/MonthRain.php http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

ปริมาณฝนสะสมเดือนกรกฎาคม (1 – 19) บริเวณประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีปริมาณฝนที่ตกสะสมส่วนใหญ่ตั้งแต่ 100-300 มม. ยกเว้นบริเวณจังหวัดตราด และพังงามีปริมาณฝนสะสม > 300 มม. นอกจากนี้บางพื้นที่ของภาคใต้ฝั่งตะวันออกโดยเฉพาะตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมในเดือนนี้ < 100 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ 20-100 มม. เว้นแต่บริเวณที่มีฝนตกหนักมากซึ่งได้แก่บริเวณจังหวัดหนองคาย ตราด และพังงา มีปริมาณฝนสะสม > 100 มม. ส่วนบางพื้นที่ได้แก่บริเวณจังหวัดลำพูน ตาก เชียงใหม่ สุรินทร์ และศรีสะเกษ มีฝนสะสมต่ำกว่า 10 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่าน มาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตอนบนของภาคตะวันออกและภาคกลางมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมสูงกว่าบริเวณอื่นๆ โดยมีค่าประมาณ 25 - 35 มม. ส่วนบริเวณอื่นๆมีค่ามีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมอยู่ในช่วงตั้งแต่ 20-25 มม.

สมดุลน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนกับฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้ค่าสมดุลน้ำเป็นบวก แต่บางพื้นที่ซึ่งมีฝนตกน้อยในระยะที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำยังคงเป็นลบ เช่น บริเวณจังหวัดลำพูน ตาก เชียงใหม่ สุรินทร์ และศรีสะเกษ และบริเวณใกล้เคียง

คำแนะนำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาแม้มีฝนกับฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก แต่บางพื้นที่ซึ่งมีฝนตกน้อยทำให้ค่าสมดุลน้ำยังคงเป็นลบ เช่น บริเวณจังหวัดลำพูน ตาก เชียงใหม่ สุรินทร์ และศรีสะเกษ และบริเวณใกล้เคียง และในช่วงวันที่ 20-23 ก.ค.จะมีฝนตกร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนบริเวณอื่นๆจะมีฝนตกร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ต่อจากนั้นปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกรที่ปลูกพืช เช่น ข้าวนาปี พืชไร่ และผักชนิดต่างๆ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ