พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 29 กรกฎาคม 2559 - 04 สิงหาคม 2559

ข่าวทั่วไป Friday July 29, 2016 13:49 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 29 กรกฎาคม 2559 - 04 สิงหาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 29-30 ก.ค.และ 3 – 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 31 ก.ค.- 2 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก เฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • กล้วยไม้ : อากาศมีความชื้นสูงควรป้องกันการระบาดของโรคเน่าดำหรือโรคยอดเน่า โรคใบจุด โรคแอนแทรกโนส
  • ลำไย (ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว) : ดินและอากาศมีความชื้นสูง ควรป้องกันการระบาดของ โรครากเน่าโคนเน่า และผีเสื้อมวนหวาน
  • กาแฟ : ดินและอากาศมีความชื้นสูง ควรป้องกันการระบาดของ โรคราสนิม และโรคใบจุด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ก.ค.- 1 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
  • ข้าวนาปี : อากาศมีความชื้น ควรป้องกันการระบาดโรคไหม้ ผู้ที่เริ่มต้นเพาะปลูกไม่ควรหว่านกล้าแน่นเกินไป และคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา
  • มันสัมปะหลัง : อากาศมีความชื้น ควรป้องกันการระบาดของ โรคใบไหม้ และโรคแอนแทรกโนส
  • สัตว์เลี้ยง : บริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. – 1 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
  • ข้าว : อากาศมีความชื้นควรป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน และโรคไหม้
  • อ้อย : อากาศมีความชื้นควรระวังป้องกันการระบาดของ โรคเหี่ยวเน่าแดง และโรคแส้ดำ
  • สัตว์ปีก : ช่วงที่มีฝนตกหนักควรดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นป้องกันสัตว์ป่วย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. – 1 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
  • สัตว์น้ำ(บ่อเลี้ยง) : เสริมขอบบ่อไม่ให้น้ำฝนไหลลงบ่อ ทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน และเปิดเครื่องตีน้ำหลังฝนตก เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ เพิ่มออกซิเจน
  • พืชผัก : ดินมีความชื้นสูงควรระวังป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้าง โรคใบจุด และโรคราสนิม
  • ยางพารา : ดินและอากาศมีความชื้นควรระวังป้องกันการระบาดของโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 30 ก.ค.- 1 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 2- 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
  • ไม้ผล (ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว) : ดินและอากาศมีความชื้นสูงควรระวังป้องกันการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่า หนอนเจาะผลในทุเรียน หนอนเจาะขั้วผลในเงาะ และหนอนแทะผลในมังคุด
  • ยางพารา : ดินและอากาศมีความชื้นสูงควรระวังป้องกันการระบาดของโรครากขาว โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ
  • สัตว์น้ำ (ประมงชายฝั่ง) : คลื่นลมมีกำลังแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้น ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และในช่วงวันที่ 2-4 ส.ค.เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 30-31 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 1- 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-40 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
  • ไม้ผล (ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว) : ดินและอากาศมีความชื้นสูงควรระวังป้องกันการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่า หนอนเจาะผลในทุเรียน หนอนเจาะขั้วผลในเงาะ และหนอนแทะผลในมังคุด
  • ยางพารา : ดินและอากาศมีความชื้นสูงควรระวังป้องกันการระบาดของโรครากขาว โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ
  • สัตว์น้ำ (ประมงชายฝั่ง) : คลื่นลมมีกำลังแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้น ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และในช่วงวันที่ 2-4 ส.ค.เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออจากฝั่ง
สมดุลน้ำในประเทศไทย ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ปริมาณฝนสะสมเดือนกรกฎาคม (1 – 28) บริเวณประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง โดยพื้นที่ส่วนมากมีปริมาณฝนที่ตกสะสมส่วนใหญ่มากกว่า 100 มม. ยกเว้นบางพื้นที่บริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งมีปริมาณฝนสะสม > 400 มม. ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ 20-200 มม. เว้นแต่บริเวณที่มีฝนตกหนักมากซึ่งได้แก่บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ชัยนาท นครศรีธรรมราช และตรัง มีปริมาณฝนสะสม > 100 มม. ส่วนบางพื้นที่ได้แก่บริเวณจังหวัดพะเยา กาฬสินธุ์ และสุรินทร์ มีฝนสะสมต่ำกว่า 10 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมตั้งแต่ 20 – 35 มม. ซึ่งมีค่าสูงสุดอยู่ที่จังหวัดพิจิตร และสุรินทร์ โดยมีค่าระหว่าง 30 – 35 มม.

สมดุลน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนกับฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้ในหลายพื้นที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก แต่บางพื้นที่ซึ่งมีฝนตกน้อยในระยะที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำยังคงเป็นลบ เช่น บางพื้นที่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แพร่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และบริเวณใกล้เคียง

คำแนะนำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาแม้มีฝนกับฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้ในหลายพื้นที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก แต่บางพื้นที่ซึ่งมีฝนตกน้อยทำให้ค่าสมดุลน้ำยังคงเป็นลบ และในช่วง 7 วันข้างหน้ายังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งฝนที่ตกจะเป็นผลดีต่อพืชผลทางการเกษตรที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา ส่วนบริเวณที่ลุ่มบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด ควรปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก

หมายเหตุ ดาวโหลดแผนที่แสดงสมดุลน้ำ ตามลิ้งค์ http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ