พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 16 มกราคม 2560 - 22 มกราคม 2560

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2017 14:22 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 มกราคม 2560 - 22 มกราคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 16-20 ม.ค. 60 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. 60 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ไม้ดอกและพืชผัก อากาศที่เย็นลง จะเป็นผลดีต่อไม้ดอก และพืชผัก เมืองหนาว ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ และลดการระบาดของแมลงศัตรูพืช แต่ระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา เนื่องจากอากาศเย็นและชื้นในตอนเช้า
  • สัตว์น้ำ อากาศที่หนาวเย็นทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เพราะอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำ อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 16-19 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 20-22 ม.ค. 60 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง ในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสและมีลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ป้องกันสัตว์หนาวเย็น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์เล็ก
  • สัตว์น้ำ ในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. อุณหภูมิจะลด 3-5 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิลดลงสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 16-20 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน ไม่ควรปล่อยให้ลมหนาวโกรกภายในโรงเรือน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยเป็นโรคได้ง่าย
  • พื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง หรือให้น้ำในระบบน้ำหยด ส่วนเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรอบใหม่ ควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 16-19 ม.ค. 60 มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

  • สัตว์น้ำ ช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงมาก รวมทั้งควรลดอาหารลง เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยน สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เป็นเหตุให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อนแล้ว ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม โดยให้ในปริมาณน้อยๆก่อนและค่อยๆเพิ่มขึ้น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ผลอ่อนร่วงหล่น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วงและมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค โดยในช่วงวันที่ 19-22 ม.ค. 60 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 19-22 ม.ค. ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักมาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนบริเวณที่น้ำลดลงแล้วเกษตรควรปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 16-22 ม.ค. บริเวณอ่าวไทย จะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 16-19 ม.ค. 60 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. 60 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 19-22 ม.ค. ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักมาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนบริเวณที่น้ำลดลงแล้วเกษตรควรปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา

หมายเหตุ สำหรับแผนที่แสดงสมดุลน้ำสามารถดาวโหลดได้ตามลิงค์นี้ http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ