ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 26 พฤษภาคม 2560 - 01 มิถุนายน 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
- สัตว์เลี้ยง สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่เลี้ยงสัตว์ที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรยกพื้นคอกสัตว์ให้สูง ดูแลโรงเรือนให้หลังคาไม่รั่วซึม เพื่อป้องกัน สัตว์เปียกชื้น หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เช่น โรคคอบวมในโคและกระบือ โรคหวัดในสัตว์ปีกและสุกร เป็นต้น รวมทั้งให้วัคซีนป้องกันโรคตรงตามกำหนดเวลา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 26-28 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 29-30 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พืชไร่/ พืชผัก เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักในระยะนี้ควรชุบท่อนพันธุ์หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ ด้วยสารป้องกันเชื้อรา เพื่อป้องกันการระบาดของโรคดังกล่าว รวมทั้งจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ
- ปลาในกระชัง สำหรับฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนัก จะทำให้มีตะกอนแขวนลอย และระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ปลาปรับตัวไม่ทัน เครียด อ่อนแอ กินอาหารได้น้อยลง และอาจน๊อกน้ำตายได้ เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลง หากปลาโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. จะมีฝนตกหนัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่อยู่ในระยะเพาะกล้า ชาวนาควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังต้นกล้าเป็นเวลานานทำให้ต้นกล้าตายได้
- ไม้ดอก ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกโดยเฉพาะที่อยู่ในโรงเรือนควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกและปรับปรุงโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคยอดเน่า โรคราสนิม และโรคใบจุดในกล้วยไม้ เป็นต้น
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-37 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมได้ สวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน ทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้ รวมทั้งระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า และโคนเน่า ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว ควรระวังป้องกันโรคผลเน่าในทุเรียน เงาะ และลองกอง เป็นต้น
- สัตว์น้ำ ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องตลอดช่วง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตกซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยน อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 26-29 พ.ค. ส่วนมากทางด้านตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะมีฝนตกชุก กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
- ไม้ผล สำหรับสภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ถึงบริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกชุก กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
- ไม้ผล สำหรับสภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ถึงบริเวณโคนต้น เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย
- ประมง ชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74