ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 07 สิงหาคม 2560 - 13 สิงหาคม 2560
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พืชไร่/ ไม้ผล/พืชผัก สำหรับสภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ควรระวังและป้องกันโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
- ข้าวนาปี ระยะนี้สภาพอากาศยังคงมีความชื้นสูงสำหรับข้าวนาปี ที่กำลังเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ ซึ่งจะระบาดมากในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง รวมทั้งระวัง และป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ที่ลอยมากับน้ำ ซึ่งหอยเชอรี่ดังกล่าวจะเข้ามาแพร่พันธุ์ในแปลงนา และกัดกินต้นข้าว
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- สัตว์เลี้ยง สำหรับฝนที่ตกหนักทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมขังในช่วง ที่ผ่านมา อาจทำให้สัตว์เลี้ยงเครียด ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลงและอาจจะติดเชื้อโรคได้ง่าย เกษตรกรควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยง หากพบสัตว์ที่เจ็บป่วยให้รีบแยกออกแล้วทำการรักษา และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่สำคัญใน โค กระบือ แพะ แกะ และสุกร
- ข้าวนาปี สำหรับนาข้าวที่ไม่รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงที่ ผ่านมาเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ ซึ่งจะระบาดมากในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง รวมทั้งระวังและป้องกัน การระบาดของหอยเชอรี่ที่ลอยมากับน้ำ ซึ่งหอยเชอรี่ดังกล่าวจะเข้ามาแพร่พันธุ์ในแปลงนา และกัดกินต้นข้าว
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. นาข้าว สำหรับนาข้าวที่อยู่ในที่ลุ่มหรืออยู่ใกล้แม่น้ำ เกษตรกร ควรเสริมคันดิน เพื่อป้องกันน้ำหลากท่วมนาข้าว และจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก
- พืชผัก สภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชผัก ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 7-10 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนัก บางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยปรับปรุงจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงปลูก
- ยางพารา ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องสภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรระวัง และป้องกันการระบาด ของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรค ใบยางร่วงลูกยางเน่า ซึ่งอาจทำให้หน้ากรีดยาง และต้นยางเสียหายได้
- ชาวประมง ในช่วงวันที่ 11 - 13 ส.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 7-10 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล ไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกร ไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสีย และร่วงหล่น ตลอดจนเปลือกผลไม้กองอยู่ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจลุกลามมาสู่ต้นพืชได้
- ชาวประมง ในช่วงวันที่ 11 - 13 ส.ค. บริเวณทะเลอันดามัน และบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 7-10 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 11-13 ส.ค. บริเวณฝั่งตะวันตกของภาคจะมีฝนตกหนัก บางแห่ง เกษตรกรในบริเวณดังกล่าวควรระวังอันตรายและเตรียมป้องกันความเสียหายเนื่องจากฝนที่ตก
- ชาวประมง ในช่วงวันที่ 11 - 13 ส.ค. บริเวณทะเลอันดามัน และบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74