พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 กันยายน 2560 - 21 กันยายน 2560

ข่าวทั่วไป Friday September 15, 2017 15:35 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 กันยายน 2560 - 21 กันยายน 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยหนักมากบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์เลี้ยง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ เช่น โค และกระบือ เป็นต้น หากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและทำการรักษา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-16 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง เป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยหนักมากบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ข้าวนาปี เนื่องจากระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวเสียหาย สำหรับบริเวณที่มีน้ำท่วม ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ซึ่งลอยมากับน้ำและแพร่พันธุ์ในแปลงนา ทำให้ต้นข้าวเสียหายได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงนี้ยังคงฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกไม่ให้แย่งน้ำและปุ๋ยจากพืชที่ปลูกได้
  • สัตว์น้ำ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพระจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเสริมแนวขอบบ่อให้สูงขึ้น และหลังจากฝนตกแล้วควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกชั้น

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18 -21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในระยะนี้จะมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ ไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้
  • พืชไร่/ไม้ผล/พืชผัก สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ ไม้ผล พืชผัก ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหายและตายได้ รวมทั้งควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 15-17 และ 20-21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์น้ำ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพระจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเสริมแนวขอบบ่อให้สูงขึ้น และหลังจากฝนตกแล้วควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกชั้น
  • ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์น้ำ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพระจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเสริมแนวขอบบ่อให้สูงขึ้น และหลังจากฝนตกแล้วควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกชั้น
  • ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ออกประกาศ 15 กันยายน 2560 00:00 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ