ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 18 กันยายน 2560 - 24 กันยายน 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้ปริมาณฝนเริ่มลดลง พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมให้รีบระบายน้ำออกจากแปลงปลูก และรีบฟื้นฟูสภาพสวน และแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม รวมทั้งควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราที่อาจทำให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
- ปลาในกระชัง สำหรับฝนตกต่อเนื่องและมีน้ำหลากจากฝนที่ตกหนักในระยะที่ผ่านมา ทำให้มีระดับน้ำในลุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีตะกอนแขวนลอย จะทำให้ปลาปรับตัวไม่ทัน เครียด อ่อนแอ กินอาหารได้น้อยลง และอาจน๊อกน้ำตายได้ เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลง หากปลาโตได้ขนาดควรรีบทยอยจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พืชไร่/ พืชผัก/ไม้ดอก ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ดินและอากาศ มีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบไหม้ในข้าวโพด โรคใบจุดในผักตระกูลกะหล่ำ และโรคดอกเน่าในดาวเรือง เป็นต้น เกษตรกรควรดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในแปลงปลูก
- สัตว์เลี้ยง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ เช่น โคและกระบือ เป็นต้น และหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและรีบรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตาย นอกจากนี้ควรจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน
- สัตว์น้ำ ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตก เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ในระยะนี้จะมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ ไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้
- นาข้าว ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง สำหรับนาข้าวที่กำลังออกรวงถึงใกล้เก็บเกี่ยว ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้และโรคใบจุดสีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
- ยางพารา สำหรับฝนที่ตก จะทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจชักนำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา เช่น โรครากขาว โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง
ออกประกาศ 18 กันยายน 2560 00:00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74