พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 18 - 24 เมษายน พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Wednesday April 18, 2018 15:29 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 18-24 เมษายน พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 47/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 18-23 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นและมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน กับมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่

คำเตือน ในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. ขอให้เกษตรกรระวังอันตรายจากอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย ส่วนเกษตรกรควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 19-24 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • เนื่องจากระยะนี้มีแดดจัดในตอนกลางวัน สำหรับพืชที่ปลูกใหม่และพืชต้นอ่อน เกษตรกรควรพรางแสงให้แก่ต้นพืช เพื่อลดความเข้มของแสง ส่งผลให้การคายระเหยของน้ำลดลง ป้องกันพืชเหี่ยวเฉา
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่าย
  • ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วหากเปียกฝนในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บผลผลิตเพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหายในโรงเก็บ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 18-23 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่าย นอกจากนี้หมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์เจ็บป่วยควรแยกออกแล้วทำการรักษา
  • ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วหากเปียกฝนในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บผลผลิตเพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหายในโรงเก็บ
  • ในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยง การอยู่กลางแจ้ง และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะฟ้าคะนอง

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 19-24 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 25-26 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับอากาศร้อนในระยะนี้จะทำให้น้ำระเหยออกจากแหล่งน้ำมาก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้สมดุลกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้ยังไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกเกษตรกรควรเตรียมพื้นที่การเพาะปลูกให้พร้อม รอจนปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น และการกระจายของฝนสม่ำเสมอ หรือรอให้ความชื้นในดินสะสมมากพอ จึงลงมือเพาะปลูก

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 18-23 เม.ย. มีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงใต้ ความเร็ว 15-30กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับสวนผลไม้ หากในช่วงที่ผ่านมามีผลร่วงหล่นเนื่องจากลมแรง เกษตรกรควรนำไปกำจัดให้ถูกวิธี โดยเผาหรือฝังให้ลึก ไม่ควรกองสุมอยู่ภายในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและศัตรูพืช
  • ในช่วงวันที่ 24-25 เม.ย. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยตรวจสอบสภาพวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ผูกยึดกิ่งและค้ำยันลำต้นของไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงและแข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18-19 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่20-24 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์70-80%

ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้บริเวณภาคใต้มีฝนตกและหยุดสลับกัน สภาพอากาศเหมาะแก่การระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • เนื่องจากปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้เหมาะสม เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง โดยให้น้ำแก่พืชอย่างมีสิทธิภาพ เช่นให้น้ำบริเวณทรงพุ่ม หรือให้น้ำระบบน้ำหยดเป็นต้น

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 18-24 เม.ย. 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนเมษายน (ในช่วงวันที่ 1-17 เมษายน 2561) บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน อุดรธานี หนองบัวลำภู ลพบุรี กาญจนบุรี สมุทรปราการกรุงเทพมหานคร สระแก้ว จันทบุร และตราด ที่มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 100 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม25-100 มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพังงา มีฝนสะสมมากกว่า 100 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม 0-50 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณจังหวัดน่านพิจิตร เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย อุดรธานี นครพนม นครสวรรค์ จันทบุรี ตราด และประจวบคีรีขันธ์ ที่มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 50 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-45 มม.

สมดุลน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นลบคือ (-1)-(-40) มม. เว้นแต่บริเวณที่มีฝนตกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีค่าสมดุลน้ำ สมสมเป็นบวก คือ 1-70 มม. ได้แก่บริเวณด้านตะวันออกของภาคเหนือต่อเนืองถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีรายงานพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกในบางพื้นที่และมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบนในระยะครึ่งแรกของช่วง เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว และควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ผลผลิตเสียหายได้ สำหรับภาคใต้จะมีฝนลดลงเกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่าเหมาะสมเพื่อจะได้มีน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ