‘ซุปเปอร์ริช’ ชูแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศขยายตัว เปิดสาขาใหม่ลำดับที่ 15 ใจกลางเมืองย่านสีลมรับท่องเที่ยวฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 19, 2012 10:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--เอ็ม.โอ.ชิค ‘ซุปเปอร์ริช’ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาตรฐานโลกเทียบเท่าธนาคารพาณิชย์ ระบุสถานการณ์ธุรกิจและท่องเที่ยวไทยปี 2555 มีแนวโน้มเร่งการฟื้นตัวทันทีหลังผ่านสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ สวนทิศทางภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดการเงินและธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เผยแผนธุรกิจปีมังกรทอง ประเดิมด้วยการเปิดสาขาให้บริการใหม่ที่อาคารสีลมพลาซ่า ถนนสีลม เป็นสาขาที่ 15 ตอบสนองความต้องการของตลาดกลุ่มใหญ่ทั้งนักธุรกิจไทยและต่างประเทศ กลุ่มผู้ประกอบการค้าเพชรและอัญมณี รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านสีลมและพัฒน์พงศ์ นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ริช 1965 จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงปี 2555 แม้ว่าภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่สำหรับประเทศไทย ถือเป็นปีแห่งการเร่งฟื้นตัวของภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจภาคบริการที่สร้างรายได้เข้าประเทศมากในอันดับต้นๆ ซึ่งประเทศไทย มีรายได้หลักสำคัญส่วนหนึ่งมาจากภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลมุ่งเน้นนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ไทยรวมทั้งกรุงเทพมหานครเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีโอกาสเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กอรปกับการที่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ทำให้มีกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจในตลาดการเงินและการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” “จากภาพรวมของเศรษฐกิจของไทยในปี 2555 ที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทำให้ บริษัท ซุปเปอร์ริช 1965 จำกัด ในฐานะบริษัทชั้นนำที่ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องในประเทศไทย จึงได้ดำเนินการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่อย่างเป็นทางการที่อาคารสีลมพลาซ่า บนถนนสีลม ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2555 เป็นต้นไป เพื่อรองรับการฟื้นตัวดังกล่าวโดยเฉพาะในเขตเมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติให้ความนิยม โดยการที่บริษัทฯ เลือกลงทุนในย่านธุรกิจใจกลางเมืองเพื่อสะดวกในการให้บริการกับกลุ่มนักธุรกิจทั้งไทยและชาวต่างชาติ กลุ่มผู้ประกอบการค้าเพชรพลอย รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาท่องเที่ยวในย่านสีลมและพัฒน์พงศ์ นอกจากนี้ยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ย่านถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นถนนสายแรกของกรุงเทพมหานครที่มีอายุยาวนานกว่า 150 ปี” นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ กล่าวต่อไปว่า “เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดกลุ่มดังกล่าวข้างต้น ในปัจจุบัน บริษัท ซุปเปอร์ริช 1965 จำกัด จึงได้มีการพัฒนาธุรกิจการบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ง่ายต่อการเข้าถึงของผู้บริโภคทั่วไป ภายใต้ระบบอำนวยความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยของบริษัทฯ ที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าบนพื้นฐานการทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงมาอย่างยาวนานกว่า 46 ปี บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาระบบการจัดการที่มีคุณภาพเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งจุดเด่นของซุปเปอร์ริช คือ การบริการที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับธนาคารพาณิชย์ มีบุคลากรที่มีความชำนาญอย่างมืออาชีพในด้านธนบัตรต่างประเทศ อีกทั้งสามารถจัดหาปริมาณเงินตราต่างประเทศมากเพียงพอสำหรับให้บริการลูกค้า รวมทั้งมีบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศมากถึง 32 สกุลเงิน ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจและเชื่อมั่นในการมาใช้บริการของบริษัทฯ และสำคัญที่สุดคือ บรัษัทฯ ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีในระดับที่ลูกค้าพึงพอใจ “สำหรับสาขาซุปเปอร์ริชแห่งใหม่นี้ถือเป็นสาขาบริการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ 15 ในจำนวนสาขา ซุปเปอร์ริชที่เปิดให้บริการแล้วทั่วประเทศ โดยมี 2 สาขาตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น และที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ส่วนอีก 13 สาขาตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สาขาราชดำริ 5 แห่ง สาขาถนนสุขุมวิท 3 แห่ง สาขาหลังการบินไทย ซอยวิภาวดี 22 1 แห่ง สาขาถนนข้าวสาร 3 แห่ง และล่าสุดสาขาอาคารสีลมพลาซ่า ถนนสีลม ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครโดยเตรียมแผนเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการทาบทามจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โดยอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาพูดคุย ทั้งนี้บริษัทฯ คาดหวังว่าจากการขยายธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น กอรปกับระบบการจัดการขององค์กรที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องบริการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแก่ลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจะเป็นการช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือแก่บริษัทฯ ได้ในวงกว้างในอนาคตต่อไปได้อย่างแน่นอน” นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ