อ้อย : พืชเศรษฐกิจสำคัญอีสาน ปี 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 20, 2015 16:15 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศตามยุทธศาสตร์สินค้าเป็นรายพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้า (ข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย) และเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตน้ำตาลทราย และพลังงานทดแทน ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งไทยผลิตน้ำตาลทรายได้มากเป็นอันดับ 5 ของโลก และส่งออกน้ำตาลทรายมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล โดยปริมาณการส่งออกรวมตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2557 เท่ากับ 7,321,575.94 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.56 จากช่วงเดียวกันของปี 2556 โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ อินโดนีเซีย และกัมพูชา ในขณะที่ความต้องการบริโภคภายในประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

ภาพรวมการผลิตอ้อย

ในปีการผลิต 2557/58 ผลผลิตโดยรวมทั่วประเทศเท่ากับ 104.59 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้นจากปีการผลิต 2556/57 เท่ากับ 0.89 ล้านตันอ้อย (ร้อยละ 0.86) โดยเป็นผลผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44.91 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 42.94 ของผลผลิตทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากปีการผลิต 2556/57 เท่ากับ 1.30 ล้านตัน (ร้อยละ 2.98) เนื่องจากเป็นตัวเลือกที่เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ปลูกข้าวไปเป็นพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเพิ่มรายได้นอกเหนือจากมันสำปะหลัง และยางพารา

ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (เดือนมีนาคม 2558) พบว่ามีโรงงานน้ำตาลทรายรวมทั้งสิ้น 19 โรงงาน โดยเป็นโรงงานในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีมากที่สุดรวม 4 โรงงาน ยังไม่รวมถึงโรงงานน้ำตาลทรายขนาดเล็กซึ่งผลิตน้ำตาลทรายแดง และโรงงานที่อยู่ในขั้นตอนของการขออนุญาตขยายกำลังการผลิต หรือตั้งโรงงานเพิ่มเติม

โดยในปีการผลิต 2557/58 โรงงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการจัดสรรปริมาณอ้อยเข้าโรงงานเท่ากับ 46.77 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.33 ของปริมาณที่ได้รับการจัดสรรในปี 2556/57 ตามประกาศของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ทั้งนี้ ปริมาณอ้อยที่ได้รับการจัดสรรเข้าโรงงานจะเป็นไปตามชนิดและปริมาณน้ำตาลทรายที่กำหนดให้โรงงานน้ำตาลทรายผลิตในปีนั้น ๆ ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลทรายที่กำหนดให้ผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริโภคภายในประเทศ และสำหรับการส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือการซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ

แต่จากข้อมูลรายงานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานทั่วประเทศประจำปีการผลิต 2557/58 (ฉบับปิดหีบอ้อย) พบว่ามีปริมาณอ้อยเข้าหีบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่ากับ 47.37 ล้านตันอ้อย คิดเป็นร้อยละ 44.70 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั่วประเทศ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.50 ของปีการผลิต 2556/57 ซึ่งมีปริมาณมากกว่าปริมาณอ้อยที่ได้รับการจัดสรรตามประกาศของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยสามารถผลิตน้ำตาลทรายได้โดยเฉลี่ย 112.29 กิโลกรัม/ตันอ้อย ทำให้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลทราย ของปีการผลิต 2557/58 เท่ากับ 5,318,966.88 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.85 ของปีการผลิต 2556/57 คิดเป็นน้ำตาลทรายขาวร้อยละ 27.44 และน้ำตาลทรายดิบร้อยละ 71.39 ของปริมาณผลผลิตน้ำตาลทรายทั้งหมด

นอกจากนี้ พบว่ามีการขยายพื้นที่การผลิตอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจาก 3,780,963 ไร่ ในปี 2557 เป็น 4,018,989 ไร่ ในปี 2558 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.30 ในขณะที่เมื่อพิจารณาผลผลิตต่อพื้นที่เก็บเกี่ยวพบว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2558 เท่ากับ 11,175 กิโลกรัมต่อไร่ (ลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 3.12) น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของผลผลิตทั่วประเทศที่เท่ากับ 11,240 กิโลกรัมต่อไร่

ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ

เนื่องจากความต้องการบริโภคน้ำตาลภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและพลังงานทดแทนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผู้ผลิตน้ำตาลทรายรายใหญ่ต่าง ๆ ได้ย้ายฐานการผลิตจากภาคกลางมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมากขึ้น รวมถึง by - product จากการผลิตน้ำตาลทราย ได้แก่ กากน้ำตาล (Molasses) ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอล ทั้งเพื่อการบริโภค และใช้เป็นพลังงานทดแทน เพราะถึงแม้ว่าเกษตรกรในพื้นที่จะหันมาปลูกอ้อยแทนการปลูกข้าว ทั้งในรูปแบบของเกษตรกรอิสระ และ Contract Farming เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามการขยายพื้นที่ปลูกอ้อยอาจจะยังทำไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากเกษตรกรยังคงมีตัวเลือกอื่นซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญในพื้นที่ เช่น มันสำปะหลัง และยางพารา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนและจัดโซนนิ่งการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ และส่งเสริมความรู้ในการเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวอ้อยที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น รวมถึงผลผลิตที่มีคุณภาพสอดคล้องความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

สำนักการค้าสินค้า

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรกฎาคม 2558

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ