‘กรมเจรจาฯ’ ประกาศผลนำเสนอแผนธุรกิจ ผู้ประกอบการ 10 ราย ได้ไปต่อ เตรียมจับคู่ธุรกิจออนไลน์กับผู้นำเข้าอินเดีย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 31, 2021 14:05 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ประกาศผลคัดเลือกผู้ประกอบการสินค้าอาหาร เกษตร และเกษตรแปรรูป 10 ราย เตรียมจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าในอินเดีย ชี้! สินค้าไทยตอบโจทย์ผู้บริโภคอินเดีย มีโอกาสเจาะตลาดได้สูง หนุนใช้แต้มต่อทางภาษีภายใต้ FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน?อินเดีย ขยายส่งออกเพิ่ม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดประกวดนำเสนอแผนธุรกิจ ผ่านระบบประชุมทางไกล (online pitching) ภายใต้โครงการ DTN Business Plan Award 2020 ?ชี้ช่องโอกาส บุกตลาดด้วย FTA? ระหว่างวันที่ 24 -25 พฤษภาคม 2564 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตร และอาหารของไทย จัดทำแผนธุรกิจในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยกิจกรรมครั้งนี้มีผู้ประกอบการสินค้าอาหาร เกษตร และเกษตรแปรรูป เข้าร่วมจำนวน 30 ราย ซึ่งได้คัดเลือกเหลือ 10 ราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าอินเดีย โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการค้าของไทยในกรุงนิวเดลี เจนไน และมุมไบ เชิญผู้นำเข้าอินเดียร่วมจับคู่ธุรกิจ

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 10 ราย ได้แก่ 1) บริษัท ครูยุ คอทเทจ จำกัด ผลิตภัณฑ์ธัญพืชอบกรอบชนิดแท่ง 2) บริษัท ชาร์มมิ่งกรุ๊ป จำกัด ผลิตภัณฑ์ขนมพริกกรอบ ผสมเมล็ดเจีย 3) บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด ผลิตภัณฑ์น้ำมะนาวคั้นสด 100% 4) บริษัท ไซน์ชายน์ จำกัด ผลิตภัณฑ์นมถั่วเพื่อสุขภาพ 5) บริษัท ทีบีที เทรดดิ้ง จำกัด ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มผสมเนื้อว่านหางจระเข้ 6) บริษัท นาสาร ฟู้ด โปรดักซ์ จำกัด ผลิตภัณฑ์เงาะอบแห้ง 7) บริษัท นิวทริ-ไฟว์ ฟู้ด จำกัด ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องอินทรีย์อบกรอบผสมมันฝรั่ง ผักและผลไม้ 8) บริษัท มาดามแมงโก้ จำกัด ผลิตภัณฑ์ข้าวป๊อป 9) บริษัท สมศรีไทยเฮิร์บ จำกัด ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มมะกรูดผสมสมุนไพรสกัด และ 10) บริษัท หมื่นลี้ โกลบอล เทรด จำกัด ผลิตภัณฑ์อาหารไทยสี่ภาคตำรับไทยโบราณ

นางอรมน เพิ่มเติมว่า สินค้าที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 ราย ล้วนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ได้รับมาตรฐานการผลิต เช่น อย. GMP HACCP และฮาลาล เป็นต้น และยังเป็นที่ต้องการของตลาดและตอบโจทย์ผู้บริโภคของอินเดีย ซึ่งถือว่ามีโอกาสเข้าสู่ตลาดอินเดียสูง เนื่องจากปัจจุบันภาคการผลิตของอินเดียยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั่วถึง จึงยังคงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถใช้แต้มต่อจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) จำนวน 2 ฉบับ คือ FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน?อินเดีย ขยายการส่งออกไปอินเดียได้

?ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการสินค้าอาหาร และเกษตรของไทย ที่จะพัฒนากลยุทธ์การทำธุรกิจเสริมด้วยการใช้แต้มต่อจาก FTA ขยายตลาดสู่อินเดีย โดยสินค้าไทยสามารถเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีกมาก โดยเฉพาะในสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน อาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงรส เส้นก๋วยเตี๋ยว ผลิตภัณฑ์จากข้าว และอาหารที่เก็บไว้ได้นาน ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าอาหารและอาหารแปรรูปของไทยที่จะเจาะตลาดอินเดีย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่นิยมจับจ่ายผ่านออนไลน์ด้วย? นางอรมนเสริม

ทั้งนี้ ในปี 2563 การค้าไทย-อินเดียมีมูลค่า 9,774.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปอินเดียมูลค่า 5,489.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 การค้าไทย-อินเดียมีมูลค่า 3,587.12 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 17.07% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ไทยส่งออกมูลค่า 1,940.35 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 8.04% สินค้าส่งออกสำคัญไปอินเดีย เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

27 พฤษภาคม 2564

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ