‘สินิตย์’ นำทัพกูรูเสริมแกร่ง ‘เกษตรกร-ผู้ประกอบการชายแดนใต้’ หนุนสินค้าดาวเด่นใช้ FTA ส่งออกตลาดอาเซียน-ตลาดฮาลาล

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 10, 2021 14:47 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

?สินิตย์? สั่งการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย ?ตลาดนำการผลิต? ผนึกกำลังทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดชายแดนใต้ จัดสัมมนาออนไลน์เร่งช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ หนุนส่งออกของดีในพื้นที่ ทั้งผลไม้ อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก เจาะตลาดมาเลเซีย อาเซียน และตลาดสินค้าฮาลาล พร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อทางการค้าในตลาดโลก

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ได้เป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ เรื่อง ?รู้ลึกก่อนใคร โอกาสการค้าชายแดนใต้สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน? และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ?ชี้ช่องเพิ่มโอกาสการค้าของจังหวัดชายแดนใต้กับตลาดอาเซียน? ซึ่งได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยให้ทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เร่งช่วยหาช่องทางให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการหาตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ตามนโยบาย ?ตลาดนำการผลิต?

นายสินิตย์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ ได้ระดมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มาร่วมแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วม โดยวิทยากรมีทั้งผู้ส่งออกรายใหญ่ นักการตลาด ทูตพาณิชย์ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และพาณิชย์จังหวัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยครอบคลุมประเด็น เช่น โอกาสการทำธุรกิจและการส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น ผลไม้ (ทุเรียน ส้มโอ เงาะ ลองกอง มังคุด) อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก เป็นต้น เน้นตลาดมาเลเซีย อาเซียน และตลาดสินค้าฮาลาล พร้อมชี้ช่องการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อขยายส่งออกสินค้าในตลาดการค้าเสรี ที่ประเทศคู่ค้าได้ลดและยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรให้กับสินค้าจากไทยแล้วเกือบทุกรายการ

?กระทรวงพาณิชย์มีความตั้งใจและมุ่งมั่นส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ของตลาด เน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า สามารถตรวจสอบย้อนกลับวิธีการผลิตและแหล่งผลิตได้ โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่ต้องมีใบรับรองด้านมาตรฐานเพื่อจะช่วยให้มีตลาดรองรับ ผู้บริโภคเชื่อมั่น ซึ่งจะช่วยให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาสูง ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางการค้าขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสินค้าฮาลาลที่ที่มีประชากรสูงกว่า 2,000 ล้านคน ซึ่งเชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้และต่อยอดสำหรับวางแผนหาโอกาสจากตลาดใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสินค้าของไทยได้มากขึ้น? นายสินิตย์เสริม

ทั้งนี้ ในปี 2563 การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่าสูงถึง 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกมูลค่า 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อเปรียบเทียบการส่งออกปี 2563 กับปีก่อนที่ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนมีผลบังคับใช้ พบว่าการค้าของไทยกับอาเซียนขยายตัวถึง 843% และการส่งออกขยายตัวสูงถึง 1,135% สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 การค้าไทยกับอาเซียนมีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 24.14% ทั้งนี้ หากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) มีผลบังคับใช้ในต้นปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่ง FTA สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและเกษตรกร สามารถใช้ประโยชน์ขยายการส่งออกไปตลาดสำคัญของไทย ทั้งอาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่แล้ว สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมการสัมมนาย้อนหลัง ได้ทาง Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

9 สิงหาคม 2564

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ