ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย — กัมพูชา ลุกลามจนเกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นนั้น ร้อยละ 26.4 มองว่าเกิดจากการยั่วยุของฝ่าย กัมพูชา รองลงมาร้อยละ 25.6 เกิดจากรัฐบาลไทยขาดเอกภาพในการทำงาน ร้อยละ 21.4 มองว่าเป็นเพราะการเดินเกมที่ผิดพลาดของรัฐบาล ไทย และร้อยละ 12.8 มองว่าเกิดจากความเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มพันธมิตร ตามลำดับ
สำหรับความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนส่วนใหญ่พอใจการทำหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องรักษา แผ่นดินไทย (พอใจร้อยละ 67.5) แต่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ทับซ้อน (ไม่พอใจร้อยละ 80.2) และการชี้ แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจ (ไม่พอใจร้อยละ 74.9) ส่วนการเตรียมพร้อมในการอพยพและดูแลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีกลุ่ม ผู้ที่ระบุว่าพอใจและไม่พอใจในสัดส่วนใกล้เคียงกัน (พอใจร้อยละ 50.6 ไม่พอใจร้อยละ 49.4)
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของกองทัพไทยในการรับมือกับปัญหาความขัดแย้งที่อาจลุกลามบานปลาย พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.4 ระบุว่าเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วนความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านการเจรจาของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยุติปัญหาความขัด แย้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 75.3 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย
สำหรับสิ่งที่อยากให้รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ทำมากที่สุดในขณะนี้เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย — กัมพูชา พบว่า อันดับแรกต้อง การให้รัฐบาลเปิดโต๊ะเจรจากับกัมพูชา ร้อยละ 46.6 รองลงมาให้เร่งชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสหประชาชาติ (UN) ร้อยละ 25.3 และให้อาเซี่ยน มาเป็นคนกลางแก้ปัญหา ร้อยละ 10.4 ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 6.0 ที่ต้องการให้ใช้กำลังทหารเข้าต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- อื่นๆ อาทิ ผู้นำทั้งสองฝ่ายขาดการพูดคุยทำความเข้าใจกัน และ
(โดยแบ่งเป็น เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 23.8 และเชื่อมั่นค่อนข้างมาก ร้อยละ 43.6 )
- ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 32.6(โดยแบ่งเป็น ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 7.2 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 25.4 )
(โดยแบ่งเป็น เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 3.3 และเชื่อมั่นค่อนข้างมาก ร้อยละ 21.4 )
- ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 75.3(โดยแบ่งเป็น ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 31.0 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 44.3 )
ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตร
- ใช้กำลังทหารเข้าต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ ร้อยละ 6.0 - อื่นๆ อาทิ ยุบสภา ร้อยละ 3.6รายละเอียดในการสำรวจ ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้น ตอน (Multi-Stage Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,075 คน เป็นเพศชายร้อยละ 55.0 และเพศหญิงร้อยละ 45.0
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน +/- 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบ เลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเองโดยอิสระ (Open Form) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจ สอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 7 กุมภาพันธ์ 2554 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 8 กุมภาพันธ์ 2554ข้อมูลประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 591 55.0 หญิง 484 45.0 รวม 1,075 100.0 อายุ 18 ปี - 25 ปี 267 24.8 26 ปี — 35 ปี 313 29.1 36 ปี — 45 ปี 243 22.7 46 ปีขึ้นไป 252 23.4 รวม 1,075 100.0 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 465 43.3 ปริญญาตรี 502 46.7 สูงกว่าปริญญาตรี 108 10.0 รวม 1,075 100.0 อาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ 132 12.3 พนักงานบริษัทเอกชน 367 34.1 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 282 26.2 รับจ้างทั่วไป 93 8.7 พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ 61 5.7 อื่นๆ เช่น นิสิตนักศึกษา อาชีพอิสระ ว่างงาน 140 13.0 รวม 1,075 100.0--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--