ประชาชนส่วนใหญ่ 61.2% หนุนปลดล็อคพรรคการเมือง แต่ 53.0% ไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าจะทำให้การเมืองไทยดีขึ้นได้ หากปลดล็อคพรรคการเมือง 54.3% กังวลเรื่องนักการเมือง เห็นต่างกัน และอาจมีการปลุกระดม
หากไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง 63.5% กังวลเรื่องประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์
ประชาชน 42.8% หวังจะได้เห็นนักการเมืองหน้าใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ หากไม่มีการปลดล็อคพรรคการเมือง
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนกับการปลดล็อคพรรคการเมือง” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจาก ทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,194 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.2 เห็นว่าควรปลดล็อคพรรคการเมือง ขณะที่ร้อยละ 29.8 เห็นว่าไม่ควร ส่วนที่เหลือร้อยละ 9.0 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามว่าเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าการปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว จะทำให้ทิศทางการเมืองของประเทศไทยดีขึ้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 53.0 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะ ที่ร้อยละ 47.0 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
เมื่อถามว่า “ถ้าปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว ท่านกังวลในเรื่องใด” ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.3 กังวลเรื่องนักการเมืองเห็นต่างกัน และอาจมีการปลุกระดม รองลงมาร้อยละ 52.3 กังวลเรื่องความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอีก และร้อยละ 51.5 กังวลเรื่องการเมืองไทยไม่มีการพัฒนา ได้นักการเมืองหน้าเดิมๆ
นอกจากนี้เมื่อถามว่า “ถ้าไม่ปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว ท่านกังวลในเรื่องใด” ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.5 กังวลเรื่องประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ รองลงมา ร้อยละ 39.3 กังวลเรื่องการเลือกตั้งจะล่าช้าออกไป และร้อยละ 20.4 กังวลเรื่องพรรคการเมืองจะมีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งน้อย
สุดท้ายเมื่อถามว่าคิดอย่างไร หากไม่มีการปลดล็อคพรรคการเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 42.8 คิดว่าจะได้เห็นนักการเมืองหน้าใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ รองลงมาร้อยละ 29.3 คิดว่าจะขยายเวลาเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะพร้อม และร้อยละ 21.8 คิดว่าจะให้ คสช. บริหารประเทศต่อไป
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
รายละเอียดการสำรวจ
1) เพื่อสะท้อนความเห็นว่าควรปลดล็อคพรรคการเมืองหรือไม่
2) เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นว่าการปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว จะทำให้ทิศทางการเมืองของประเทศไทยดีขึ้น
3) เพื่อต้องการทราบว่าหากปลดล็อคและไม่ปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว ท่านกังวลในเรื่องใด
4) เพื่อสะท้อนความเห็นหากไม่มีการปลดล็อคพรรคการเมือง
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่าง แบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2560
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 4 พฤศจิกายน 2560--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--