คนกรุงส่วนใหญ่ร้อยละ 51.7 รับทราบเรื่องที่ ขสมก. เริ่มรับชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” เต็มรูปแบบ จากข่าวผ่านสื่อหลักและสื่อโซเชียล โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 89.3 ยังคงชำระค่าโดยสารรถเมล์ ของ ขสมก. ด้วย เงินสด โดยมีเพียงร้อยละ 5.0 ชำระด้วยบัตรโดยสารล่วงหน้า อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ร้อยละ 61.1 เห็นว่าการจ่ายเงินค่าโดยสารรถเมล์แบบไร้เงินสดสะดวกดี ไม่ต้องพกเหรียญ/หาเหรียญไว้จ่ายค่ารถ แต่ยังคงกังวลเรื่องระบบล่ม/ สัญญาณมีปัญหาขณะเก็บเงิน และเห็นควรจะประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์จากการชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” เพื่อจูงใจประชาชน และร้อยละ 74.4 ระบุว่า อนาคตกระเป๋ารถเมล์ ยังมีความจำเป็น สำหรับสังคมไทย
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คนกรุงพร้อมใช้?... รถเมล์ไร้เงินสด” โดยเก็บข้อมูลกับ ประชาชนที่ใช้บริการรถ ขสมก. ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,176 คน พบว่า
จากการเริ่มใช้ รถเมล์ไร้เงินสด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ประชาชนที่ใช้บริการ รถ ขสมก. ส่วนใหญ่ร้อยละ 51.7 ทราบเรื่องที่ ขสมก. เริ่มรับ ชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” เต็มรูปแบบและทุกคัน โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 51.6 ระบุว่าทราบจากข่าวผ่านสื่อหลักและสื่อโซเชียล รองลงมาร้อยละ 31.7 ระบุว่า ทราบจากกระเป๋ารถเมล์และคนขับรถ ขสมก. และ ร้อยละ 23.9 ระบุว่า ทราบจากคลิปประชาสัมพันธ์การชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” ของ ขสมก.
ทั้งนี้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ร้อยละ 89.3 ระบุว่า ชำระค่าโดยสารรถเมล์ ของ ขสมก. ด้วย เงินสด รองลงมาร้อยละ 6.9 ชำระด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร้อยละ 5.0 ชำระด้วยบัตรโดยสารล่วงหน้า อิเล็กทรอนิกส์ โดยร้อยละ 1.4 ใช้บัตร E –Ticket ของ ขสมก. แบบ 50 บาท
ส่วนความเห็นที่มีต่อการจ่ายเงินค่าโดยสารรถเมล์แบบไร้เงินสด ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.1 ระบุว่าสะดวกดี ไม่ต้องพกเหรียญ/หาเหรียญไว้จ่ายค่ารถ รองลงมา ร้อยละ 39.0 ระบุว่าจะได้ไม่ต้องมีเงินทอน(จ่ายแบงค์ ทอนเป็นเหรียญ) และร้อยละ 37.8 ระบุว่า ทันสมัยเหมาะกับยุคสมัย
สำหรับสิ่งที่ห่วง/กังวล จากการชำระค่าโดยสารรถเมล์แบบ “ไร้เงินสด” เต็มรูปแบบ มากที่สุด นั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 31.1 กังวลเรื่อง ระบบล่ม/สัญญาณ มีปัญหาขณะเก็บเงิน รองลงมาร้อยละ 27.5 กังวลว่าคนยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และร้อยละ 12.6 กังวลว่าจะเกิดความวุ่นวายตรงป้ายรถเมล์ ที่มีคนขึ้นเยอะ
เมื่อถามว่า “ขสมก. ควรทำอย่างไรเพื่อเป็นการจูงใจ ให้คนหันมา ชำระค่าโดยสารแบบ ไร้เงินสด” พบว่า ร้อยละ 36.8 ควรจะประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ จากการชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” รองลงมา ร้อยละ 28.6 ควรจัดโปรโมชั่นลดราคาค่าโดยสารเมื่อจ่ายผ่าน E –Ticket รูปแบบต่างๆ และร้อยละ 17.5 ควรจะสามารถใช้บัตรทำธุรกรรมเรื่องอื่นๆได้
สุดท้ายเมื่อถามว่า “อนาคตพนักงานเก็บเงิน/กระเป๋ารถเมล์ ยังคงมีความจำเป็นหรือไม่ สำหรับสังคมไทย” พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.4 ระบุว่า “จำเป็น” (เพราะคอยให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ดูแลความปลอดภัยให้ผู้โดยสารขณะขึ้น-ลงรถ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ เส้นทางเดินรถ ซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีทำไม่ได้ เป็นต้น) ขณะที่ร้อยละ 25.6 ระบุว่า “ไม่จำเป็น” (เพราะ มีเครื่อง scan แล้ว มีป้ายอัตโนมัติบอกแล้ว มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มารองรับแล้ว ควรให้ระบบทำงานแทนคน ต่างประเทศก็ไม่มีแล้วเราควรปรับให้ทันโลก เป็นต้น)
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
1. การรับทราบเรื่องที่ ขสมก. เริ่มรับชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” เต็มรูปแบบและทุกคัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา
ทราบ ร้อยละ 51.7 โดยทราบจาก.... - จากข่าวผ่านสื่อหลักและสื่อโซเชียล ร้อยละ 51.6 - จากกระเป๋ารถเมล์และคนขับรถ ขสมก. ร้อยละ 31.7- คลิปประชาสัมพันธ์การชำระค่าโดยสารแบบ “ไร้เงินสด” ของ ขสมก. ร้อยละ 23.9
- ให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ดูแลความปลอดภัย
ให้ผู้โดยสารขณะขึ้น-ลงรถ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ
- เพื่อสอบถามเส้นทาง, ไว้กรณีฉุกเฉิน
- แจ้งค่าโดยสาร และตรวจสอบการชำระเงินค่าโดยสาร ป้องกันการโกงค่าโดยสาร
- เครื่อง scan บัตรบางครั้งเกิดปัญหา พนักงานเก็บตั๋วน่าจะดีกว่า
- คนไทยยังมีระเบียบวินัยน้อยอยู่
- จะทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้น
- มีเครื่อง scan แล้ว มีป้ายอัตโนมัติบอกแล้ว มีเทคโนโลยีใหม่ๆ
มารองรับแล้ว ควรให้ระบบทำงานแทนคน
- ต่างประเทศก็ไม่มีแล้ว เราควรปรับให้ทันโลก
- สร้างความรำคาญให้ผู้โดยสารเป็นบางครั้ง บางคนพูดจาไม่ดี
- ลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลในการจ้างพนักงาน
รายละเอียดการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่ใช้บริการรถ ขสมก. ในกรุงเทพฯและปริมณฑล เกี่ยวกับการชำระค่าโดยสาร รถ ขสมก. แบบ “ไร้เงินสด” เต็มรูปแบบ ในประเด็นต่างๆ เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกสาขาอาชีพที่ที่ใช้บริการรถ ขสมก. ในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ หลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ แบ่งพื้นที่การเก็บข้อมูลออกเป็น เขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก ได้แก่ คลองเตย จตุจักร ดอนเมือง ดินแดง บางกะปิ บางขุนเทียน บางเขน บางแค บางซื่อ บางนา บางรัก ปทุมวัน ประเวศ พระนคร ภาษีเจริญ มีนบุรี ราชเทวี สวนหลวง สาทร และ จังหวัดปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ จากนั้นจึงสุ่มถนนและประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,176 คน เป็นเพศชายร้อยละ 47.7 และเพศหญิงร้อยละ 52.3
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ?3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วย ข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเองโดยอิสระ (Open Ended) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมา ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 11- 16 ตุลาคม 2562
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 19 ตุลาคม 2562
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--