ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาส 2 ปี 2553 และแนวโน้ม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 30, 2010 16:09 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 3/2553

ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 2 ปี 2553 เศรษฐกิจภาคใต้ขยายตัว จากรายได้เกษตรกรที่เร่งตัวขึ้นตามราคายางที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก และการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นทุกเครื่องชี้ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลงตามการส่งออกโดยเฉพาะยางพาราแปรรูป การท่องเที่ยวชะลอลงตามการท่องเที่ยวทางอันดามันและสุราษฎร์ธานี จากผลกระทบสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ สำหรับการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลแม้ว่าจะชะลอลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐลดลง ผลจากการลดลงของรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ รายละเอียดของ ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีดังนี้

1. ภาคเกษตร ดัชนีรายได้เกษตรกรขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 96.5 เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.6 ตามดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.5 จากการปรับเพิ่มขึ้นของราคายางซึ่งในไตรมาสนี้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 109.23 บาทเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.74 บาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ทำให้ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมันเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.89 บาท ลดลงร้อยละ 9.7 ด้านปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตพืชผลเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 จากไตรมาสแรกของปีนี้ที่ลดลงร้อยละ 0.2 ตามผลผลิตปาล์ม แม้ว่าปริมาณผลผลิตยางลดลงจากข้อจำกัดจากฤดูกาลและสภาพอากาศ

ปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือภาคใต้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 จากท่าเทียบเรือปัตตานีและสงขลาเป็นสำคัญ ผลจากการทำประมงนอกน่านน้ำในอินโดนีเซีย ส่วนปริมาณสัตว์น้ำจากท่าเทียบเรือระนองและภูเก็ตลดลง ส่วนหนึ่งจากการทำประมงนอกน่านน้ำในพม่าและกองเรือทูน่าเข้ามาลดลง สำหรับผลผลิตกุ้งขาวของภาคใต้ลดลงร้อยละ 13.3 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งทำให้กุ้งไม่โตตามระยะการเลี้ยงปกติ และมีการเร่งจับกุ้งออกขายบางส่วนในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งเกิดโรคระบาดในหลายพื้นที่ ด้านราคากุ้งปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส เนื่องจากผลผลิตกุ้งของโลกลดลงโดยเฉพาะในประเทศผู้ผลิตสำคัญ ได้แก่อินโดนีเซีย และจีน ประกอบกับการเกิดน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯและต้องปิดน่านน้ำ ทำให้ราคากุ้งไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกขนาด โดยราคากุ้งขาวขนาด 50 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.4 บาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4

2. ภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกและใช้ในประเทศ โดยอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก มีเพียงอุตสาหกรรมยางแปรรูปและยางคอมพาวนด์ที่ปรับลดลงตามปริมาณวัตถุดิบ โดยอาหารทะเลบรรจุกระป๋องขยายตัวร้อยละ 31.4 ตามการส่งออกที่ขยายตัวในทุกตลาดหลัก เช่นเดียวกับอาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูปที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 จากผลิตภัณฑ์กุ้ง ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับประเทศคู่แข่งขัน ได้แก่ อินโดนีเซียและจีนประสบปัญหาด้านการผลิต

3. การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวของภาคใต้ขยายตัว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.7 แม้ว่าจะชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 38.1 ตามการชะลอลงของนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ส่วนหนึ่งเนื่องจากผลของสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศทำให้หลายประเทศประกาศเตือนการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ อย่างไรก็ตามการมีเที่ยวบินตรงมายังแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้ามายังภาคใต้ได้สะดวก ประกอบกับการทำตลาดระยะใกล้เพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศระยะใกล้เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลี และสิงคโปร์ ส่วนในภาคใต้ตอนล่าง ขยายตัวดี เป็นผลจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลต่างๆ การเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างสม่ำเสมอ

4. การจ้างงาน ความต้องการจ้างงานของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น สะท้อนจากตำแหน่งงานว่างที่ผู้ประกอบการแจ้งผ่านจัดหางาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 โดยมีการบรรจุงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 อย่างไรก็ตามผู้มาสมัครงานลดลงร้อยละ 16.0

5. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 ชะลอลงจากร้อยละ 6.7 ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเนื่องจากขาดความเชื่อมั่น จะเห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงร้อยละ 17.0 จากร้อยละ 21.7 ในไตรมาสก่อน และปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 0.5 อย่างไรก็ตาม รายได้ภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.4 นอกจากนี้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 15.0

6. การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาคใต้โดยรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งการขยายตัวของพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 โครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ซึ่งมีจำนวน 23 โครงการ เงินลงทุนรวม 5,657.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.9 และ ร้อยละ 293.4 ขณะเดียวกันการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลรายใหม่เงินทุนจดทะเบียนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.3

7. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาคใต้ ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.5 เป็นการเบิกจ่ายจากรายจ่ายประจำลดลงร้อยละ 6.2 และรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 56.3 ส่วนการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.9 จากการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.0 และร้อยละ 5.2 เป็นสำคัญ จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมัน สุรา เบียร์ และยาสูบ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552

8. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการส่งออก เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 64.9 โดยสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงขึ้น ได้แก่ ยางพาราแปรรูป ซึ่งเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนสูงขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 115.1 รวมทั้ง ถุงมือยาง และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกชะลอลง ได้แก่ไม้ยางพาราแปรรูป สัตว์น้ำแช่แข็ง และอาหารกระป๋อง ทางด้านมูลค่าการนำเข้า เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 72.8 เร่งตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้าที่สำคัญได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์สัตว์น้ำแช่แข็งและอิเล็กทรอนิกส์

9. การเงิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 คาดว่าเงินฝากและเงินให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 7.9 และร้อยละ 6.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐภายใต้โครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง รวมทั้งราคายางซึ่งเป็นสินค้าเกษตรสำคัญของภาคใต้ปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เงินฝากและความต้องการสินเชื่อเพื่อธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

10. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ชะลอลงจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามราคาหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ที่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงร้อยละ 2.3 โดยสินค้าที่ราคาชะลอลงมาก ได้แก่ น้ำประปาและน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาผักและผลไม้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0

แนวโน้มไตรมาส 3 ปี 2553

เศรษฐกิจภาคใต้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 มีแนวโน้มขยายตัว ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศที่ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี กอปรกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวดีขึ้นส่งผลดีต่อภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักมีแนวโน้มชะลอลงตามการชะลอตัวของราคายางเป็นสำคัญ

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

ข้อมูลเพิ่มเติม : นาฏน้อย แก้วมีจีน

โทร.0-7423-6200 ต่อ 4329

e-mail : nartnoik@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ