(ต่อ1) การกำหนดให้ส่งชุดข้อมูล(Data set)ที่เพิ่มเติมและปรับปรุงตามโครงการ DMSE ปี 2548 ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย

ข่าวกฏหมายและประกาศ Friday December 23, 2005 14:50 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

ยกเป็นสาธารณสมบัติหรือถูกเวนคืน หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกรอนสิทธิหรือมีภาระผูกพัน ซึ่งทุกกรณีข้างต้นจะต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจนได้ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินงานของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและได้พยายามเร่งรัดการดำเนินการมากที่สุดแล้ว ให้นับระยะเวลาการถือครอง โดยเริ่มต้นจากวันที่การดำเนินการต่างๆ สิ้นสุดลงแล้วแต่กรณี (3)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์รับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้จากสถาบันการเงินอื่น หรือได้รับมาเนื่องจากการรับชำระหนี้ ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าว โดยเริ่มต้นนับจากวันที่ได้รับอสังหาริมทรัพย์นั้นมา (4)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการมีการรับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินอื่น ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายโดยเริ่มนับจากวันที่ได้รับอสังหาริมทรัพย์นั้นมา (5)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการมีการรับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศ ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 มีนาคม 2548 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม กล่าวคือ โดยหลักการแล้วให้ถือครองได้เพียง 1 ปี แต่หากไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้ภายในเวลา 1 ปีที่กำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันเวลาการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ให้อีก 2 ปี โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการต้องกันเงินสำรองสำหรับอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นร้อยละ 25 และร้อยละ 50 ของราคายุติธรรมของสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองภายในปีที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ทั้งนี้ ให้นับเวลาการถือครองอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวต่อเนื่องจากวันที่สถาบันการเงินนั้นได้ถือครองมาแล้ว 2.2 แนวทางการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขาย (1)บริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จะต้องเร่งทยอยจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายออกไปโดยเร็ว ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องถือครองเกินกว่า 5 ปี บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการจะต้องทยอยจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวออกไปในปีที่ 6 จนหมดจำนวนในปีที่ 10 โดยจำนวนเงินทั้งสิ้นที่ต้องจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายในแต่ละปีนั้น จะต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีสุทธิของปีก่อนหน้าปีที่ต้องจำหน่ายหารด้วยจำนวนปีที่เหลือ(นับรวมปีที่ต้องจำหน่ายจนถึงปีสุดท้าย)ดังตัวอย่างการคำนวณตามที่แนบ (2)หากบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายได้ไม่หมดภายใน 10 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการที่สามารถกันเงินสำรองเพิ่มขึ้นสำหรับอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลาดังที่ระบุนี้ ถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวออกไปอีก 2 ปี ก. ร้อยละ 25 ของมูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคาหรือราคาตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์อาการขายแล้ว แต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ภายในปีที่ 11 นับแต่วันที่ได้รับโอนหรือวันที่การดำเนินในกรณีต่างๆ สิ้นสุดลง แล้วแต่กรณี ข. ร้อยละ 50 ของมูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคาหรือราคาตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์รอการขายแล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ภายในปีที่ 12นับแต่วันที่ได้รับโอนหรือวันที่การดำเนินการในกรณีต่างๆ สิ้นสุดลง แล้วแต่กรณี (3)บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการต้องทำการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ถือครองและกันเงินสำรอางสำหรับผลต่างของราคาตามบัญชีที่สูงกว่ามูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคา (4)ในการกันเงินสำรองตามข้อ(2) ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ เริ่มกันเงินสำรองตั้งแต่งวดการบัญชีหกเดือนหลังของปี 2549 เป็นต้นไป 2.3 การจัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รอการขาย ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จัดทำและเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการจำหน่าย และข้อมูลการกันเงินสำรองเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบได้เมื่อร้องขอ 3. การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ห้ามมิให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นเกิดร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือซื้อหรือมีหุ้นมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้น โดยในการคำนวณอัตราส่วนดังกล่าว ให้รวมหุ้นที่สถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการถืออยู่ด้วย และให้ถือปฏิบัติดังนี้ 3.1 ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือปฎิบัติตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติในเรื่องการซื้อหรือมีหุ้นมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเป็นอัตราส่วนกับเงินกองทุน ลงวันที่ 25 เมษายน 2546 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับวิธีการวัดมูลค่าเงินลงทุนในหุ้น โดยอนุโลม 3.2 หากบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ถือปฏิบัติตามหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 และ 4 พฤษภาคม 2548 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับการผ่อนผันให้ซื้อหรือมีหุ้นได้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และระยะเวลาการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ตลอดจนวิธีการจำหน่ายหุ้น โดยอนุโลม 3.3 การนับระยะเวลาการซื้อหรือมีหุ้นเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (1)กรณีที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกิดอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือรับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินอื่น ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2546 ซึ่งจะต้องลดอัตราส่วนลงภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัด และมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นไม่เกินกว่าร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (2)กรณีที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือรับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินอื่น ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งจะต้องลดสัดส่วนลงตามอัตราส่วนเช่นเดียวกับข้อ(1)ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันสำหรับ 2 กรณีข้างต้น ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการลดอัตราส่วนลงให้เหลือตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการจัดทำแผนการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับเดิมลงวันที่ 29 สิงหาคม 2548(ซึ่งได้ถูกยกเลิกโดยประกาศฉบับนี้)ใช้บังคับ(8 กันยายน 2548) รายชื่อประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ การบัญชีสำหรับบริษัทบริหารสินทรัพย์ 1. ธปท.สนส.(31)ว.2775/2545 เรื่อง การบัญชีเกี่ยวกับการรับซื้อ หรือรับโอนลูกหนี้เงินให้กู้ยืม และหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแล ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2545 2. ธปท.สนส.(31)ว.2506/2546 เรื่องการซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีสำหรับการรับซื้อหรือรับโอนลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2546 3. สนส.(31)ว.43/2545 เรื่อง การนำส่งประกาศ ก.บช.ฉบับที่ 45(พ.ศ.2545) เรื่องมาตรฐานการบัญชีที่ยกเว้นการบังคับใช้กับธุรกิจที่ไม่ใช่บริษัทมหาชน จำกัด ลงวันที่ 3 เมษายน 2545 4. ธปท.สนส.(31)ว.166/2547 เรื่อง การบัญชีสำหรับการขายทรัพย์สินรอการขาย ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 5. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในเรื่องการบันทึกบัญชีรับรู้ดอกเบี้ยค้างรับเป็นรายได้ ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2541 นโยบาย วิธีการ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 1. ธปท.สนส.(21)ว.2942/2545 เรื่อง หลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2545 การจัดชั้น และการกันสำรองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 1. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคา หรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2547 2. ธปท.สนส.(21)ว.1938/2547 เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การตัดลูกหนี้ออกจากบัญชี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 3. ธปท.สนส.(21)ว.91/2548 เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการนับหนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นหลักประกัน ลงวันที่ 14 มกราคม 2548 4. ธปท.ฝนว.(21)ว.797/2548 เรื่อง หลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าหลักประกันของสถาบันการเงินลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2548 การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัด 1. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติในเรื่องการซื้อหรือมีหุ้นมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเป็นอัตราส่วนกับเงินกองทุน ลงวันที่ 25 เมษายน 2546 2. ธปท.สนส.(21)ว.188/2547 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 5 กุมภาพันนธ์ 2547 3.ธปท.ฝนว.(21)ว.798/2548 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2548 การรายงาน 1. สนส.(31)ว.45/2546 เรื่อง รายงานที่กำหนดให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ยื่น ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2546 และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ยื่นรายงาน ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2546 2. สนส.(31)ว.104/2547 เรื่อง การปรับแบบรายงานสถานะลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.4) ลงวันที่ 27 กันยายน 2547 การถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขาย 1. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 มีนาคม 2548 1/ยอดคงค้างปีก่อน 2/=1/หารด้วยระยะเวลาการถือครองที่เหลืออีก 5 ปี 3/=1/-2/ 4/=มูลค่าตามบัญชีสุทธิที่รับรู้การด้อยค่าแล้ว สมมติฐาน 1.จำนวนอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ต้องจำหน่ายคำนวนจากมูลค่าตามบัญชีสุทธิ (มูลค่าอสังหาฯ หลังการด้อยค่า) ของปีที่ 5-9 (แล้วแต่กรณี) หารด้วยจำนวนปีคงเหลือจนถึงปีที่ 10 2.อสังหาฯ กองที่ 1 (ก) ได้มาในระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. ของปี 2542 (ข) ในระหว่างการถือครอง ไม่มีการด้อยค่า (มูลค่าตามบัญชีสุทธิ = ราคาทุนที่ได้มา) (ค) จำนวนอสังหาฯ ที่ต้องทยอยจำหน่ายออกไป =100/5= ปีละ 20 ล้านบาท 3.อสังหาฯ กองที่ 2 (ก) ได้มาในปี 2543 (ข) อสังหาฯ มีการด้อยค่าระหว่างปี 2544-254/ (ระยะเวลาการถือครอง 5 ปี) มีมูลค่าตามบัญชีสุทธิคงเหลือ 60 ล้านบาทในปี 2548 (ค) จำนวนอสังหาฯ ที่ต้องทยอยจำหน่ายออกไป =60/5= ปีละ 12 ล้านบาท 4. อสังหาฯ กองที่ 3 (ก) ได้มาในปี 2544 (ข) อสังหาฯ มีการด้อยค่าในระหว่างที่ถือครอง 10 ปี (ค) จำนวนอสังหาฯ ที่ต้องทยอยจำหน่ายออกไป -ปี 2550 = 80/5 = 16 ล้านบาท -ปี 2551 = 60/4 = 15 ล้านบาท -ปี 2552 = 42/3 = 14 ล้านบาท -ปี 2553 = 20/2 = 10 ล้านบาท -ปี 2554 = 8/1 = 8 ล้านบาท 5. *จำนวนอสังหาฯ ที่ต้องจำหน่ายออกไปทั้งสิ้นในปีที่ 7 (2549)คือ 32 จะเลือกจำหน่ายออกจากกองที่ 1 หรือกองที่ 2 หรือคละกัน ก็ได้ *จำนวนอสังหาฯ ที่ต้องจำหน่ายออกไปทั้งสิ้นในปีที่ 8 (2550)คือ 48 จะเลือกจำหน่ายออกจากกองที่ 1 หรือกองที่ 2 หรือคละกันก็ได้ *อสังหาฯ ที่ได้มาในระหว่างปีใหม่เริ่มนับอายุการถือครองในปีถัดไปการดำเนินกิจการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการจะต้องดำเนินการดังนี้ 1.การคำนวณอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการนำทรัพย์และภาระผูกพันของบริษัทไปรวมเข้ากับสินทรัพย์และภาระผูกพันของสถาบันการเงินในการคำนวณอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการนั้น 2.การถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขาย นอกจากกรณีในข้อ 2.1(5)ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี โดยถือปฏิบัติดังนี้ 2.1 การนับระยะเวลาการถือครองอสังหาริมทรัพย์ (1)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์รับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์รอการขายก่อนวันที่ประกาศฉบับเดิมลงวันที่ 29 สิงหาคม 2548 (ซึ่งได้ถูกยกเลิกโดยประกาศฉบับนี้)ใช้บังคับ(8 กันยายน 2548)จากสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการ โดยสถาบันการเงินดังกล่าวได้อสังหาริมทรัพย์มาจากการชำระหนี้ ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวโดยเริ่มต้นนับจากวันที่ได้รับซื้อหรือรับโอนมาจากสถาบันการเงิน (2)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์รับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์รอการขายตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับเดิมลงวันที่ 29 สิงหาคม 2548(ซึ่งได้ถูกยกเลิกโดยประกาศฉบับนี้)ใช้บังคับ(8 กันยายน 2548)จากสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการ โดยสถาบันการเงินดังกล่าวได้อสังหาริมทรัพย์มาจากการชำระหนี้ ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวต่อเนื่องจากวันที่สถาบันการเงินนั้นได้ถือครองมาแล้ว หากในกรณีข้อ(1)-(2)อสังหาริมทรัพย์รอการขายที่มีประเด็นการโอนยังไม่บริบูรณ์เพราะอสังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลหรือมีการยื่นข้อเสนอข้อพิพาทให้อนุญาตโตตุลาการพิจารณาหรือมีการแจ้งความต่อเข้าพนักงานเพื่อขอให้ดำเนินคดีแล้วหรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาในการรังวัดยังไม่เสร็จหรือไม่ถูกต้อง หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิหรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ส่วนที่คงเหลือจากการยกเป็นสาธารณสมบัติหรือถูกเวนคืน หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกรอนสิทธิหรือมีภาระผูกพัน ซึ่งทุกกรณีข้างต้นจะต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจนได้ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินงานของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและได้พยายามเร่งรัดการดำเนินการมากที่สุดแล้ว ให้นับระยะเวลาการถือครอง โดยเริ่มต้นจากวันที่การดำเนินการต่างๆ สิ้นสุดลงแล้วแต่กรณี (3)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์รับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้จากสถาบันการเงินอื่น หรือได้รับมาเนื่องจากการรับชำระหนี้ ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าว โดยเริ่มต้นนับจากวันที่ได้รับอสังหาริมทรัพย์นั้นมา (4)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการมีการรับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินอื่น ให้นับระยะเวลาถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายโดยเริ่มนับจากวันที่ได้รับอสังหาริมทรัพย์นั้นมา (5)กรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการมีการรับซื้อหรือรับโอนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศ ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 มีนาคม 2548 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม กล่าวคือ โดยหลักการแล้วให้ถือครองได้เพียง 1 ปี แต่หากไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้ภายในเวลา 1 ปีที่กำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันเวลาการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ให้อีก 2 ปี โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการต้องกันเงินสำรองสำหรับอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นร้อยละ 25 และร้อยละ 50 ของราคายุติธรรมของสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองภายในปีที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ทั้งนี้ ให้นับเวลาการถือครองอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวต่อเนื่องจากวันที่สถาบันการเงินนั้นได้ถือครองมาแล้ว 2.2 แนวทางการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขาย (1)บริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จะต้องเร่งทยอยจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายออกไปโดยเร็ว ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องถือครองเกินกว่า 5 ปี บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการจะต้องทยอยจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวออกไปในปีที่ 6 จนหมดจำนวนในปีที่ 10 โดยจำนวนเงินทั้งสิ้นที่ต้องจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายในแต่ละปีนั้น จะต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีสุทธิของปีก่อนหน้าปีที่ต้องจำหน่ายหารด้วยจำนวนปีที่เหลือ(นับรวมปีที่ต้องจำหน่ายจนถึงปีสุดท้าย)ดังตัวอย่างการคำนวณตามที่แนบ (2)หากบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์รอการขายได้ไม่หมดภายใน 10 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการที่สามารถกันเงินสำรองเพิ่มขึ้นสำหรับอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลาดังที่ระบุนี้ ถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายดังกล่าวออกไปอีก 2 ปี ก. ร้อยละ 25 ของมูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคาหรือราคาตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์อาการขายแล้ว แต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ภายในปีที่ 11 นับแต่วันที่ได้รับโอนหรือวันที่การดำเนินในกรณีต่างๆ สิ้นสุดลง แล้วแต่กรณี ข. ร้อยละ 50 ของมูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคาหรือราคาตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์รอการขายแล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ภายในปีที่ 12นับแต่วันที่ได้รับโอนหรือวันที่การดำเนินการในกรณีต่างๆ สิ้นสุดลง แล้วแต่กรณี (3)บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการต้องทำการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ถือครองและกันเงินสำรอางสำหรับผลต่างของราคาตามบัญชีที่สูงกว่ามูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคา (4)ในการกันเงินสำรองตามข้อ(2) ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ เริ่มกันเงินสำรองตั้งแต่งวดการบัญชีหกเดือนหลังของปี 2549 เป็นต้นไป 2.3 การจัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รอการขาย ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ จัดทำและเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการจำหน่าย และข้อมูลการกันเงินสำรองเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบได้เมื่อร้องขอ 3. การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ห้ามมิให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นเกิดร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือซื้อหรือมีหุ้นมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้น โดยในการคำนวณอัตราส่วนดังกล่าว ให้รวมหุ้นที่สถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการถืออยู่ด้วย และให้ถือปฏิบัติดังนี้ 3.1 ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือปฎิบัติตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติในเรื่องการซื้อหรือมีหุ้นมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเป็นอัตราส่วนกับเงินกองทุน ลงวันที่ 25 เมษายน 2546 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับวิธีการวัดมูลค่าเงินลงทุนในหุ้น โดยอนุโลม 3.2 หากบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ถือปฏิบัติตามหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 และ 4 พฤษภาคม 2548 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับการผ่อนผันให้ซื้อหรือมีหุ้นได้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และระยะเวลาการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ตลอดจนวิธีการจำหน่ายหุ้น โดยอนุโลม 3.3 การนับระยะเวลาการซื้อหรือมีหุ้นเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (1)กรณีที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกิดอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือรับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินอื่น ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2546 ซึ่งจะต้องลดอัตราส่วนลงภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัด และมีมูลค่าหุ้นรวมกันทั้งสิ้นไม่เกินกว่าร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของสถาบันการเงินที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (2)กรณีที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือรับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินอื่น ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งจะต้องลดสัดส่วนลงตามอัตราส่วนเช่นเดียวกับข้อ(1)ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันสำหรับ 2 กรณีข้างต้น ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการลดอัตราส่วนลงให้เหลือตามอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการจัดทำแผนการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับเดิมลงวันที่ 29 สิงหาคม 2548(ซึ่งได้ถูกยกเลิกโดยประกาศฉบับนี้)ใช้บังคับ(8 กันยายน 2548) สินทรัพย์ชั้นที่สถาบันการเงินได้จำหน่ายออกจากบัญชีไปแล้ว และทรัพย์สินรอการขาย ทั้งนี้ให้รวมถึงเงินทุนของบริษัทบริหารสินทรัพย์และบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินด้วย การดำเนินการบริหารสินทรัพย์ ข้อ 4 การรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บริษัทบริหารสินทรัพย์จะต้องยื่นแผนงานการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้ธนคารแห่งประเทศไทยทราบก่อนทุกครั้ง โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ชื่อสถาบันการเงินที่เป็นผู้จำหน่ายสินทรัพย์ (2) ประเภทสินทรัพย์ที่จะรับซื้อหรือรับโอน (3) มูลค่าของสินทรัพย์ที่จะรับซื้อหรือโอนและหลักเกณฑ์การประเมินราคาสินทรัพย์ (4) วันที่จะรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ (5) สัญญาหรือเงื่อนไขอื่นๆ ในการจะรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ ข้อ 5 การดำเนินการบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่สถาบันการเงินมีอำนาจควบคุมกิจการถือปฏิบัติตามเอสารแนบ 1 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 6 การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ถือปฏิยบัติเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามเอกสารแนบ 2 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 7 สำนักงานสาขาของบริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทบริหารสินทรัพย์อาจมีสำนักงานสาชาได้แต่ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการอนุญาต ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติด้วยก็ได้ (ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ