การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday December 25, 2002 11:02 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                             25  ธันวาคม  2545
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร
ที่ ธปท.สนส.(21)ว. 2919/2545 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือที่ ธปท.สนส.(31)ว. 219/2545 เรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 28 มกราคม 2545 อนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจมีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทจำกัด เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เฉพาะในกรณีการได้หุ้นนั้นเป็นการได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และสนับสนุนการลงทุนของสถาบันการเงิน อาศัยอำนาจตามมาตรา 12(5) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัด เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
1. ให้ยกเลิกหนังสือที่ ธปท.สนส.(31)ว. 219/2545 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 28 มกราคม 2545
2. อนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2546 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทลูกหนี้ เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ การอนุญาตดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่นำมาตีชำระหนี้ และการถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้ด้วย
3. อนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2546 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทจำกัดทั้งหมดมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ เฉพาะในกรณีหุ้นส่วนที่เกินนั้นเป็นหุ้นที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การอนุญาตดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่นำมาตีชำระหนี้ และการถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้ด้วย
4. กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทจำกัดทั้งหมดมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุน เนื่องจากการถือหุ้นในบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย หากธนาคารพาณิชย์ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำกัดทั่วไป ซึ่งไม่ได้ถือหุ้นเนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเงินกองทุน ให้ถือว่าธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ สามารถลงทุนเพิ่มได้จนกว่าสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำกัดทั่วไปจะเท่ากับร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจนั้น
5. ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ ที่มีหุ้นในบริษัทจำกัดเนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ต้องลดสัดส่วนการมีหุ้นดังกล่าวและการถือหุ้นในบริษัทจำกัดในกรณีอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้นการถือหุ้นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ลงให้เหลือรวมกันไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น ๆ และไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ ในทันทีที่สามารถทำได้ แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 5.1 และ 5.2 เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากธนาคารแห่งประเทศไทย
5.1 หุ้นที่ได้รับโอนมาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2546 ต้องลดสัดส่วนลงให้เหลือไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนดข้างต้น ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548
5.2 หุ้นที่ได้รับโอนมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2546 ต้องลดสัดส่วนลงให้เหลือไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนดข้างต้น ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2549
6. การลดสัดส่วนการมีหุ้นในบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลขาดทุนแก่ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
6.1 การจำหน่ายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจำหน่ายในราคาไม่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) หรือราคาปิด (Close Price) ของตลาดหลักทรัพย์ ก่อนวันที่ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าว 1 วันทำการ
ทั้งนี้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศและสำนักงานวิเทศธนกิจจัดเตรียมเอกสารที่แสดงราคาที่จำหน่ายเพื่อการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทยในภายหลัง
6.2 การจำหน่ายหุ้นของบริษัทจำกัดที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้รับมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดผลขาดทุนจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวไม่เกินคราวละ 5 ล้านบาท หรือหากผลขาดทุนเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ต้องจำหน่ายในราคาที่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินได้รับรองความเหมาะสมของราคาที่จำหน่ายหุ้น
ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีไม่มีความเชี่ยวชาญในการรับรองความเหมาะสมของราคาดังกล่าว ผู้สอบบัญชีสามารถหาผู้เชี่ยวชาญมารับรองความเหมาะสมของราคาดังกล่าว โดยให้ถือว่าเป็นราคาที่รับรองโดยผู้สอบบัญชี
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้ความสมเหตุสมผลของราคาที่รับรอง ทั้งในกรณีที่ผู้สอบบัญชีรับรองเองและกรณีที่ผู้สอบบัญชีหาผู้เชี่ยวชาญมารับรอง ประกอบการพิจารณาอนุญาตให้เป็นผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินด้วย
ทั้งนี้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจแจ้งการขายดังกล่าวภายใน 7 วัน นับจากวันที่เกิดรายการ โดยส่งหลักฐานการรับรองราคาของผู้สอบบัญชีมาด้วย
6.3 กรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
อนึ่ง การคำนวณว่าการจำหน่ายหุ้นก่อให้เกิดผลขาดทุนหรือไม่นั้น ให้เปรียบเทียบราคาที่จำหน่ายกับราคาที่บันทึกบัญชี ณ วันที่ได้รับหุ้น
7. ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจรายงานการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ในรูปแบบของตาราง 37 เป็นรายไตรมาส โดยให้รายงานแยกต่างหากจากรายงานเงินลงทุนในหุ้นตามมาตรา 12(5) หรือตาราง 37 ที่ต้องรายงานอยู่แล้วในปัจจุบัน สำหรับธนาคารพาณิชย์และสาขาธนาคารต่างประเทศ
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์
โทร. 0-2283-5837, 0-2283-5303, 0-2283-5304
หมายเหตุ [
] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่....เวลา......ณ......
[ X
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ