ให้บง.ให้กู้ยืมเงินหรือก่อภาระผูกพันโดยไม่ต้องเรียกหลักประกัน

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday September 5, 1990 17:19 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

ธนาคารแห่งประเทศไทย 5 กันยายน 2533 เรียน ผู้จัดการ บริษัทเงินทุนทุกบริษัท ที่ ธปท.งก.(ว) 1616/2533 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนให้กู้ยืมเงิน และ/หรือ ก่อภาระผูกพันโดยไม่ต้องเรียกทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ตามที่ธนาคารได้อาศัยตามความในมาตรา 30 (5) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่4มีนาคม 2530 เรื่อง การกำหนดหลักประกันทรัพย์สินที่บริษัทเงินทุนต้องเรียก ซึ่งกำหนดให้บริษัทเงินทุนต้องเรียกทรัพย์สินตามข้อ 5 ของประกาศธนาคารฉบับดังกล่าวจากกรรมการหรือจากบุคคลที่บริษัทเงินทุนมีความเกี่ยวข้องตามข้อ 2 ของประกาศธนาคารฉบับเดียวกันมาจำนำหรือจำนองเป็นประกันเต็มจำนวนหนี้ที่บริษัทเงินทุนให้กู้ยืมหรือจำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนเข้าค้ำประกัน หรือรับรอง รับอาวัลหรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินหรือจำนวนเงินค่าตอบแทนที่รับโอนสิทธิเรียกร้องจากการจำหน่ายสินค้า จากกรรมการของบริษัทเงินทุนหรือจากบุคคลดังกล่าว เว้นแต่จะมีธนาคารค้ำประกันเต็มจำนวนหนี้ หรือจำนวนเงินที่ก่อภาระผูกพันนั้น ๆ หรือได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย นั้น บัดนี้ ประกาศธนาคารฉบับดังกล่าวได้ใช้มาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ปรากฎว่าบริษัทเงินทุนได้ให้ความร่วมมือด้วยการพิจารณาการให้กู้ยืมเงิน หรือการก่อภาระผูกพันตามที่กล่าวข้างต้นแก่หรือให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วยความระมัดระวังเป็นไปตามหลักการที่ถูกต้องเป็นอย่างดีตลอดมาธนาคารจึงเห็นสมควร อนุญาตให้บริษัทเงินทุนพิจารณาดำเนินการให้กู้ยืมเงินหรือก่อภาระผูกพันใดๆแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องไปได้เอง ในกรณีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นบริษัทจำกัดที่ประกอบธุรกิจ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจสำคัญ อันได้แก่ การเกษตร การเหมืองแร่และเหมืองหิน การอุตสาหกรรมการผลิต การส่งสินค้าออก การค้าส่งผลิตทางกสิกรรม และการจัดหาที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย และหลักเกณฑ์การพิจารณาให้กู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันต่างๆ โดยไม่ต้องเรียกทรัพย์สินเป็นหลักประกัน และไม่ต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นราย ๆ ไป จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.เป็นบริษัทจำกัดที่ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 5 ปี ต่อเนื่องกันจนถึงวันที่บริษัทให้กู้ยืมเงินหรือก่อภาระผูกพัน หรือ 2. เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ 3.เป็นการให้กู้ยืมเงินในลักษณะ Syndicated loan ที่มีโครงการชัดเจน และต้องเป็นการให้กู้ร่วมกันกับสถาบันการเงินอื่นอีกไม่น้อยกว่า 4 แห่ง โดยสถาบันการเงินอื่นแต่ละแห่งมีวงเงินให้กู้ยืมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของวงเงินที่จะให้กู้ยืม หรือ 4. เป็นการให้กู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันต่าง ๆ แก่ธนาคารที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ จะต้องเป็นการให้กู้ยืมเงินหรือก่อภาระผูกพันโดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 1.จำนวนเงินให้กู้ยืมแก่แต่ละรายจะต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดตามมาตรา35แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 และนอกจากนี้จำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนก่อภาระผูกพันแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง เมื่อรวมกับจำนวนเงินที่ให้กู้ยืมดังกล่าว แก่บุคคลนั้นแล้วจะต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งออกตามความในมาตรา 20 (6) และมาตรา 29 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน 2.จำนวนเงินที่ให้กู้ยืมแก่แต่ละรายหรือก่อภาระผูกพันแก่แต่ละราย เมื่อรวมกับหนี้สินและภาระผูกพันอื่นของบุคคลนั้นแล้วจะต้องไม่เกิน 3 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้นของบุคคลนั้น 3.วงเงินที่ให้กู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันทุกรายที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ต้องขออนุญาต จากธนาคารแห่งประเทศไทยรวมกันจะต้องไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติต่อไป ขอแสดงความนับถือ ชวลิต ธนะชานันท์ ผู้ว่าการ ส่วนกำกับสถาบันการเงิน ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน โทร. 2826650

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ