ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง ระบบการควบคุมภายในเกี่ยวกับตั๋วเงินและ
บัตรเงินฝากของบริษัทเงินทุน
————————————————
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ตรี แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดเรื่องระบบการควบคุมภายในเกี่ยวกับตั๋วเงิน และบัตรเงินฝาก เพื่อบริษัทเงินทุนถือปฏิบัติดังนี้
ข้อ1. ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ระบบการควบคุมภายในเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินและบัตรเงินฝากของบริษัทเงินทุน ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2535
ข้อ2. ในประกาศนี้ "ตั๋วเงิน" หมายความว่า ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
ข้อ 3. ให้เก็บรักษาแบบพิมพ์ตั๋วเงินและบัตรเงินฝากไว้ในห้องนิรภัย ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่จัดไว้โดยเฉพาะ พร้อมกับจัดทำทะเบียนควบคุมแบบพิมพ์ให้เป็นปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่และจำนวนแบบพิมพ์ที่ได้รับจากโรงพิมพ์ วันที่และจำนวนที่เบิกใช้และยอดคงเหลือ
ข้อ4. กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการเบิกแบบพิมพ์ตั๋วเงินและบัตรเงินฝากให้ชัดเจนและในการเบิกแบบพิมพ์ทุกครั้ง ต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดังกล่าวลงนามไว้เป็นหลักฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการเก็บรักษาแบบพิมพ์ตามข้อ 3
ข้อ 5. ให้ตรวจนับยอดคงเหลือของแบบพิมพ์ตั๋วเงินและบัตรเงินฝาก พร้อมทั้งตรวจเทียบกับทะเบียนควบคุมแบบพิมพ์ตามข้อ 3 อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ข้อ 6. การออกตั๋วเงินและบัตรเงินฝาก ให้บริษัทเงินทุนถือปฏิบัติ ดังนี้
(1) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานทางราชการที่แสดงชื่อและที่อยู่ของลูกค้า รวมทั้งจัดให้มีสำเนาเอกสารหลักฐานดังกล่าว และในกรณีออกตั๋วเงินและบัตรเงินฝากระบุชื่อผู้รับเงินหรือผู้ฝากเงิน ให้บริษัทเงินทุนจัดให้มีบัตรตัวอย่างลายมือชื่อของลูกค้าเก็บไว้ที่บริษัทด้วย
(2) การออกตั๋วเงินและบัตรเงินฝาก ให้เป็นไปตามลำดับของหมายเลขตั๋วเงินและบัตรเงินฝากที่โรงพิมพ์ได้จัดพิมพ์ไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ บริษัทเงินทุนอาจพิมพ์เลขที่หรือรหัสอื่นเพิ่มเติมต่างหากจากหมายเลขตั๋วเงินและบัตรเงินฝากเพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงก็ได้ และหากมีการยกเลิกตั๋วเงินหรือบัตรเงินฝากฉบับใด ต้องประทับตรา "ยกเลิก" หน้าตั๋วเงินหรือบัตรเงินฝากนั้น และให้จัดเก็บไว้เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและตรวจสอบต่อไป
(3) จัดทำทะเบียนควบคุมการออกตั๋วเงินและบัตรเงินฝาก โดยมีรายละเอียดอย่างน้อยเกี่ยวกับวันที่ออก หมายเลขตั๋วเงินหรือบัตรเงินฝาก ชื่อหรือยี่ห้อของลูกค้า จำนวนเงินที่ตราไว้ วันครบกำหนด อัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลด และผู้จัดการออกตราสารดังกล่าว (ถ้ามี) สำหรับตั๋วสัญญาใช้เงินให้ระบุด้วยว่าเป็นตั๋วที่เปลี่ยนมือได้หรือไม่ได้
(4) ในกรณีออกตั๋วสัญญาใช้เงินโดยมีข้อกำหนดว่าเปลี่ยนมือไม่ได้ ให้จัดทำบัญชีรายตัวลูกค้า โดยมีรายละเอียดอย่างน้อยเกี่ยวกับวันที่ที่บันทึกรายการ หมายเลขตั๋ว จำนวนเงินที่ตราไว้ และยอดคงเหลือทั้งสิ้น
(5) จัดให้มีบัญชีคุมยอดคงเหลือของตั๋วเงินและบัตรเงินฝากที่เป็นปัจจุบัน สำหรับตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำแนกตามประเภที่เปลี่ยนมือได้และเปลี่ยนมือไม่ได้ด้วย และในกรณีที่เป็นการออกตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝาก ประเภทไม่ระบุอัตราดอกเบี้ย ให้แสดงยอดคงเหลือแยกต่างหากด้วย
(6) ให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของยอดคงเหลือในบัญชีรายตัวลูกค้าตาม (4) กับบัญชีคุมยอดคงเหลือตาม (5) อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ข้อ 7 การรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝาก ที่ออกโดยสถาบันการเงินอื่น และการขาย ขายลด หรือขายช่วงลดตราสารดังกล่าว ให้บริษัทเงินทุนถือปฏิบัติดังนี้
(1) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานทางราชการที่แสดงชื่อและที่อยู่ของผู้ขายตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝาก รวมทั้งจัดให้มีสำเนาเอกสารหลักฐานดังกล่าว
(2) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝาก การสลักหลังตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝาก และยืนยันความถูกต้องกับผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินหรือผู้ออกบัตรเงินฝากก่อนชำระเงินให้แก่ผู้ขายตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝากนั้น
(3) จัดให้มีทะเบียนคุมการรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วแลกเงิน และบัตรเงินฝาก และจัดให้มีทะเบียนคุมการขาย ขายลด หรือขายช่วยลดตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝาก โดยทะเบียนดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีรายการตามที่กำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับการบัญชีของบริษัทเงินทุน
(4) จัดทำบัญชีรายตัวผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงิน และผู้ออกบัตรเงินฝาก โดยมีรายละเอียดอย่างน้อยเกี่ยวกับวันที่ที่บันทึกรายการ วันครบกำหนดชำระคืน หมายเลขตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝาก จำนวนเงินที่ตราไว้ และยอดคงเหลือทั้งสิ้น
(5) เก็บรักษาตั๋วแลกเงิน และบัตรเงินฝากหรือเอกสารแสดงสิทธิในตราสารดังกล่าวที่บริษัทเงินทุนได้รับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดไว้ในห้องนิรภัย ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่จัดไว้โดยเฉพาะ และให้ตรวจนับเปรียบเทียบกับบัญชีรายตัวผู้จ่ายหรือผู้รับรองตั๋วแลกเงินหรือผู้ออกบัตรเงินฝากอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทั้งนี้ ให้จัดทำรายละเอียดการตรวจนับเป็นหลักฐานลงนามโดยผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งแต่ผู้จัดการฝ่ายขึ้นไปด้วย
(6) ถ่ายสำเนาตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนได้ขายต่อไปหรือเอกสารแสดงสิทธิในตราสารดังกล่าว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างน้อย 1 ชุด เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงและติดตามตรวจสอบในภายหลัง
ข้อ 8 การรับเงินเป็นเช็ค ให้บริษัทเงินทุนขีดคร่อมเข้าบัญชีทันที
*ข้อ9 การจ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินและการชำระเงินคืนตามบัตรเงินฝาก เมื่อครบกำหนดให้บริษัทเงินทุนจ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่านั้น (Account Payee Only) หรือโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินโดยผ่านบริการบาทเนตของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมกับประทับตรา "จ่ายแล้ว" หน้าตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝากดังกล่าว รวมทั้งบันทึกชื่อและที่อยู่ของผู้รับเงินที่ปรากฏตามหลักฐานทางราชการไว้หน้าตั๋วแลกเงินหรือบัตรเงินฝากนั้นด้วย
*ข้อ 10 การใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ให้บริษัทเงินทุนจ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชีผู้รับเงิน (Account Payee Only) หรือขีดคร่อม "& Co" หรือโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินโดยผ่านบริการบาทเนต ของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมกับประทับตรา "จ่ายแล้ว" หน้าตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว
ข้อ 11 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 19 เมษายน 2538
วิจิตร สุพินิจ
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 112 ตอนที่ 33 ง วันที่ 25 เมษายน 2538)
* แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ระบบการควบคุมภายในเกี่ยวกับตั๋วเงินและบัตรเงินฝากของบริษัทเงินทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2538 ลงวันที่ 14 กันยายน 2538 (ราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 112 ตอนที่ 75 ง วันที่ 19 กันยายน 2538)