24 สิงหาคม 2543 เรียน ผู้จัดการ ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ที่ สนส. (11) ว. 80 /2543 เรื่อง การเพิ่มเติมประเภทของสินทรัพย์สภาพคล่อง ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยได้เพิ่มเติมประเภทสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคาร-พาณิชย์ โดยอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถใช้หลักทรัพย์ที่บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย(Secondary Mortgage Corporation) ออกใหม่สืบเนื่องจากโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องได้จึงขอส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง พ.ศ. 2543 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 117 ตอนพิเศษ 55 ง ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2543 มาเพื่อทราบพร้อมนี้ ขอแสดงความนับถือ (นางสาลินี วังตาล) รักษาการผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงินผู้ว่าการ แทน สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน โทร. 283-5836, 283-5876หมายเหตุ ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่ ………………. / ไม่มีการจัดประชุมชี้แจงสนสว10-กส23001-25430825ด ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง พ.ศ. 2543 ________________________ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 ตรี มาตรา 11 จัตวา และมาตรา 11 เบญจแห่งประราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1. ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2542 ข้อ 2. ธนาคารพาณิชย์นอกจากกิจการวิเทศธนกิจและกิจการวิเทศธนกิจสาขาต่างจังหวัดต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 ของ (1) ยอดรวมเงินฝากทุกประเภท (2) ยอดรวมเงินกู้ยืมจากต่างประเทศที่ครบกำหนดใน 1 ปีนับแต่วันกู้และยอดรวมเงินกู้ยืมต่างประเทศซึ่งอาจชำระคืนหรืออาจถูกเรียกคืนได้ใน 1 ปีนับแต่วันกู้เว้นแต่เป็นเงินกู้ยืมตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ ยอดรวมเงินฝากและยอดรวมเงินกู้ยืมข้างต้นให้นับรวมยอดเงินซึ่งโอนเข้ามาในประเทศไทยจากสาขาหรือสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศที่แสดงอยู่ในบัญชีระหว่างกันด้วย ข้อ 3. สินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามข้อ 2 ดังกล่าวต้องประกอบด้วย (1) เงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1 (2) เงินสดที่ธนาคารพาณิชย์ แต่ให้ถือเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องได้ไม่เกิน ร้อยละ 2.5 (3) หลักทรัพย์ซึ่งปราศจากภาระผูกพันดังต่อไปนี้ ก. หลักทรัพย์รัฐบาลไทย ข. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ค. หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ต้นเงินและดอกเบี้ย ง. พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ออกโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จ. หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กองทุนเพื่อการ ฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย ฉ. หุ้นกู้ หรือพันธบัตรที่ออกโดยองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบ หรือที่ออกโดยบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ช. หลักทรัพย์ที่บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยออกใหม่สืบเนื่อง จากโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลง สินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ซ. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ จำกัด (มหาชน) และบัตรเงินฝากที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามโครงการรับ แลกเปลี่ยนตั๋ว 56 บริษัทเงินทุนที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ ข้อ 4. ในกรณีของกิจการวิเทศธนกิจ และกิจการวิเทศธนกิจสาขาต่างจังหวัดต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 ของ (1) ยอดรวมเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศซึ่งอาจถอนได้ใน 1 ปีนับแต่วันฝาก เว้นแต่เป็นเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด (2) ยอดรวมเงินกู้ยืมจากต่างประเทศที่ครบกำหนดใน 1 ปีนับแต่วันกู้และยอดรวมเงินกู้ยืมจากต่างประเทศซึ่งอาจชำระคืนหรืออาจถูกเรียกคือนได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันกู้ เว้นแต่เป็นเงินกู้ยืมตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ ยอดรวมเงินฝากและยอดรวมเงินกู้ยืมข้างต้นให้นับเฉพาะยอดรวมเงินฝาก หรือยอดรวมเงินกู้ยืมของกิจการวิเทศธนกิจเพื่อการให้กู้ยืมในประเทศและกิจการวิเทศธนกิจเพื่อการให้กู้ยืมเป็นเงินบาทในต่างจังหวัดเท่านั้น และให้นับรวมยอดเงินซึ่งโอนเข้ามาในประเทศไทยจากสาขาหรือสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศที่แสดงอยู่ในบัญชีระหว่างกันด้วย สินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงตาม (1) และ (2) ให้ถือปฏิบัติตามข้อ 3 (3) ยอดรวมทั้งสิ้นของเงินฝากทุกประเภท ยกเว้นยอดรวมเงินฝากของกิจการวิเทศธนกิจเพื่อการให้กู้ยืมในต่างประเทศ และยอดรวมเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศที่กล่าวใน (1) แห่งข้อนี้ โดยกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและกิจการวิเทศธนกิจสาขาต่างจังหวัดจะถือเอาสินทรัพย์ใด ๆ เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงก็ได้ ส่วนกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์ไทยให้ถือปฏิบัติตามข้อ 3 ข้อ 5. สินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงตามประกาศนี้ให้คิดจากส่วนเฉลี่ยรายปักษ์ของทุกสิ้นวัน และส่วนเฉลี่ยรายปักษ์ของยอดรวมเงินฝากหรือเงินกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์แล้วแต่กรณี ทุกสิ้นวันในปักษ์ก่อน ทั้งนี้ ให้ถือเอาวันที่ 8 ถึงวันที่ 22 ของเดือนเป็นปักษ์หนึ่ง และวันที่ 23 ถึงวันที่ 7 ของเดือนถัดไปเป็นอีกปักษ์หนึ่ง และให้นับวันหยุดทำการรวมคำนวณเข้าด้วย ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจดำรงเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไว้เกินจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำในปักษ์หนึ่ง ให้สามารถนำส่วนที่เกินไปรวมในปักษ์ต่อไปได้ 1 ปักษ์ แต่ทั้งนี้ ส่วนที่นำไปรวมนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงในปักษ์ที่เกิน ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจดำรงเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไว้ไม่ถึงจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำในปักษ์หนึ่ง ให้สามารถนำเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในปักษ์ถัดไปมารวมเข้าในปักษ์ที่ขาดอยู่ แต่ทั้งนี้ ส่วนที่นำมารวมนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงในปักษ์ที่ขาดอยู่ และส่วนที่นำมารวมนั้นจะต้องถูกหักออกจากจำนวนเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับการคำนวณสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรงในปักษ์ถัดไป ข้อ 6. ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2543 (ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล) ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สนสป10-กส23001-25430825ด-ยก-