4 เมษายน 2543เรียน ผู้จัดการ บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทุกบริษัท ที่ ธปท.สนส.(11)ว. 776/2543 เรื่อง การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างสถาบันการเงินและลูกหนี้ อันจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงิน และเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 (4) มาตรา 34 (1) และมาตรา 54 (6) ของกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ขยายระยะเวลาการอนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2544 ตามนัยของหนังสือที่ ธปท.ง.(ว) 4589/2541 เรื่อง การซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541 ดังนี้ 1. ให้บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์ในบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้ได้เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้ดังกล่าวนั้น ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีการได้หุ้นนั้นเป็นการได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย 2. ให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อกรรมสิทธิ์ของบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เองทั้งหมดมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 60 ของเงินกองทุนของบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นั้น เฉพาะในกรณีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ส่วนที่เกินนั้นเป็นหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ ในสำคัญแสดงสิทธิ์ในหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงการเข้าซื้อหุ้น ที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้บริษัทเครดิตฟองซิเอร์มีหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ หรือหุ้นกู้ทั้งหมดมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เฉพาะในกรณีหุ้นส่วนที่เกินนั้นเป็นหุ้นที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย 3. บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ที่มีหุ้นเกินจำนวนดังกล่าวต้องลดสัดส่วนการมีหุ้นดังกล่าวให้มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์ในบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้และให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เองทั้งหมดมูลค่ารวมกันไม่เกินร้อยละ 60 ของเงินกองทุนของบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และให้บริษัทเครดิตฟองซิเอร์เองมีหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ หรือหุ้นกู้ทั้งหมดมูลค่ารวมกันไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เอง ในทันทีที่สามารถทำได้โดยไม่ก่อให้เกิดผลขาดทุนแก่สถาบันการเงินเองแต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ทั้งนี้ ให้บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ รายงานการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ในรูปแบบของตาราง บ.ง. 3/5 ที่แนบมา เป็นรายเดือน โดยให้รายงานแยกต่างหากจากรายงานเงินลงทุนในหุ้นตามมาตรา 20 (4) และมาตรา 34 (1) หรือตาราง บ.ง. 3/5 ที่ต้องรายงานอยู่แล้วในปัจจุบัน สำหรับบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สำหรับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ให้ทำหนังสือแจ้งมายังธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดตามการผ่อนผันนี้ จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ขอแสดงความนับถือ (ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล) ผู้ว่าการ สิ่งที่ส่งมาด้วย ตาราง บ.ง. 3/5 (รายละเอียดเงินลงทุนในหลักทรัพย์) ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน โทร. 283-5878, 283-6877 หมายเหตุ [ ] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่………..ณ……….. [ X ] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง สนสว30-กส15106-25430405ด-ยก-