การอนุญาติให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพยและการขายชอร์ต

ข่าวกฏหมายและประกาศ Monday December 18, 2000 09:19 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                        18 ธันวาคม 2543
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุน และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
ที่ ธปท. สนส. (12) ว. 3459/2543 เรื่องการนำส่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาติให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพยและการขายชอร์ต
ตามที่ทางการได้มีแนวทางอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ กรณีเป็นตัวแทนหรือนายหน้าโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ กรณีเป็นตัวแทน หรือนายหน้า ลงวันที่ 12 เมษายน 2542 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำส่งให้ทราบแล้ว ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารแห่งหนี้ และเพิ่มช่องทางประกอบธุรกิจและบริหารสภาพคล่องของสถาบันการเงิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์และการขายชาร์ต ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 117 ตอนพิเศษ 122 ง ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 แล้วโดยเป็นการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เพิ่มเติมจากที่เคยอนุญาติเดิม ธนาคารแห่งประเทศไทยขอนำส่งประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าวมาพร้อมนี้
สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ ทางการอนุญาตเป็นการทัวไปให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติและมีความพร้อมในด้านการประกอบธุรกิจและมีระบบควบคุมภายใน ระบบบริหารความเสี่ยง ตลอดจนระบบปฏิบัติงานที่เหมาะสม สามารถประกอบธุรกิจเหล่านี้ได้ โดยให้ยืนแผนการประกอบธุรกิจที่แสดงถึงความพร้อมดังกล่าวอันได้แก่ นโยบายและระเบียบปฏิบัติในการประกอบธุรกิจ นโยบายการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือและการกำหนดวงเงินของคู่สัญญา และระเบียบและวิธีการบริหารความเสี่ยงและระบบควบคุมภายใน มาให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาอย่างน้อย 30 วันก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ และหากธนาคารแห่งประเทศไทยมิได้ทักท้วงภายใน30 วันก็ให้ดำเนินการได้ และในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ด้วย บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะต้องแจ้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบถึงการได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนประกอบธุรกิจดังกล่าวด้วย โดยธุรกิจที่อนุญาตได้แก่
(1)ธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์กรณีเป็นตัวแทนหรือนายหน้าซึ่งกระทำได้ทั้งหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งหนี้และตราสารทุน หรือในฐานะเป็นคู่สัญญากับผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมซึ่งกระทำได้เฉพาะหลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งหนี้(ข้อ2(1)และข้อ2(2) แห่งประกาศกระทรวงการคลังที่แนบมาพร้อมนี้)
(2)การขายหลักทรัพย์ที่ต้องยืมหลักทรัพย์มาเพื่อการส่งมอบ(การขายชอร์ต)เฉพาะ หลักทรัพย์ประเภทตราสารแห่งหนี้(ข้อ2(4)แห่งประกาศกระทรวงการคลังที่แนบมาพร้อมนี้)
(3)ในกรณีที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไม่ต้องการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ในฐานะเป็นคู่สัญญากับผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหรือในฐานะตัวแทนหรือนายหน้า แต่มีหลักทรัพย์อยู่ในครอบครองและประสงค์จะนำหลักทรัพย์นั้นไปให้ยืม ซึ่งเท่ากับต้องการเป็นเพียงคู่ค้ากับสถาบันการเงินที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ให้สามารถนำหลักทรัพย์นั้นไปให้ยืมได้(ข้อ2(3) แห่งประการกระทรวงการคลังที่แนบมาพร้อมนี้)
ในการประกอบธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ทางการมิได้กำหนดให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องเรียกหลักประกันแต่ให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ พิจารณาตามความเหมาะสม เพราะการประกอบธุรกรรมนี้มีความเสี่ยงเกี่ยวข้องทั้งในด้าน Credit RiskSettlement Risk)กับคู่ค้า ความเสี่ยงด้าน Market Risk จาการมี position ในตราสารแห่งหนี้และมี Operational Risk ในด้านการดำเนินธุรกรรม การเรียกหลักประกัน การคืนหลักประกัน และการยืดหลักประกันเมื่อคู่ค้าไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ในกรณีที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เรียกหลักประกันจากผู้ยืมหลักทรัพย์ และหลักประกันนั้นเป็น เงินสด หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หุ้นกู้หรือพันธบัตรหรือตราสารแสดงสิทธิ์ในหนี้ ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้หรือพันธบัตรหรือตราสารแสดงสิทธิ์ในหนี้ ที่ออกโดยองค์การของรัฐหรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ในการคำนวณจำนวนเงินหรือมูลค่า ของหลักทรัพย์ที่ให้ยืมเมื่อรวมกับเงินให้กู้ยืมหรือลงทุนของคู่สัญญารายใดรายหนึ่งซึ่งต้องไม่เกินร้อยละ25 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเมื่อรวมกับจำนวนเงินที่ก่อภาระผูกพันใดๆ ซึ่งต้องไม่เกินร้อยละ 35 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ทางการอนุญาตให้นำมูลค่าหลักประกันข้างต้นมาหักออกจากการคำนวณเงินดังกล่าวได้
นอกจากนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ตร แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 พ.ศ.2526 และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์และการขายชอร์ต ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดวิธีปฏิบัติในการ ประกอบธุรกิจไว้ดังต่อไปนี้
1.ให้ยกเลิกหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ง.(ว)2116/2542 เรื่อง การนำส่งประการกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ กรณีเป็นตัวแทน หรือนายหน้า ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2542
2.ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เฉพาะ ตราสารแห่งหนี้ในฐานะเป็นคู่สัญญากับผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม และการให้ยืมหลักทรัพย์เฉพาะตราสาร แห่งหนี้โดยเป็นคู่สัญญากับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามข้อ2(2)และ(3) แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์และการ ขายชอร์ต ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
2.1 นโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติในการประกอบธุรกิจ บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องกำหนดนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติในการประกอบธุรกิจเป็นลายลักษณ์อักษรและต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทรวมถึงการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติด้วย
2.2 หลักเกณฑ์การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือและการกำหนดวงเงินคู่สัญญาก่อนการยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องจัดให้มีการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของคู่สัญญาทุกครั้งโดยหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้าน การวิเคราะห์สินเชื่อ รวมถึงการกำหนดวงเงินของคู่สัญญาแต่ละรายซึ่งต้องมีการอนุมัติโดยผู้บริหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบ 2.3 ระเบียบและวิธีการบริหารความเสี่ยงและระบบควบคุมภายใน บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติในการควบคุมและบริหารความเสี่ยงของการประกอบธุรกิจอย่างชัดเจน รวมทั้งต้องมีระบบการจัดการ ระบบบัญชีและระบบควบคุมภายใน เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจดังกล่าวด้วย รวมถึงนโยบายและระเบียบปฏิบัติในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ระบบการวิเคราะห์ความเสี่ยงของหลักทรัพย์และหลักประกัน และ การกำหนดวงเงินต่างๆ ในการทำธุรกิจ รวมถึงวงเงิน stop loss limit
(2) นโยบายและระเบียบปฏิบัติในการเรียกหลักประกันเริ่มแรก การเรียกหลักประกันเพิ่ม และการบังคับหลักประกัน
(3) ระบบการติดตามการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตามราคาของหลักทรัพย์และหลักประกันเป็นประจำทุกสิ้นวันทำการ (Mark to market)
(4) ระบบการควบคุมภายในเพื่อให้นโยบายและระเบียบปฏิบัติมีการปฏิบัติตามอย่างถูกต้องเหมาะสมและมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
(5) ระบบการจัดเก็บข้อมูลและการจัดทำรายงานที่มีรายละเอียดอันเป็นประโยชน์ในการติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลการประกอบธุรกิจ เพื่อรายงานต่อผู้บริหารและธนาคารแห่งประเทศไทย
3. ในการประกอบกิจการการขายหลักทรัพย์ที่ต้องยืมหลักทรัพย์มาเพื่อการส่งมอบ (การขายชอร์ต)เฉพาะตราสารแห่งหนี้ ตามข้อ2(4) แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์และการขายชอร์ต ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543 บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตาม 2.1 และ 2.3 ด้วย
อนึ่ง การขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครอง เฉพาะในกรณี ที่กระทำเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตนเองและมีหลักฐานที่ชัดแจ้งว่าจะได้หลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ในอนาคต บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สามารถกระทำได้โดยไม่ถือเป็นการประกอบกิจการอื่น
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธารษา วัฒนเกส)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการแทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืม และให้ยืมหลักทรัพย์และการขายชอร์ต ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2543
ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน
โทร. 283-5303,283-5837,283-5304
หมายเหตุ [
] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่.........ณ.......
[x
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
สนสว32-กส37005-25431218ด
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์และการขายชอร์ต
________________________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (5) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 และมาตรา 20(6) วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2528 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์กรณีเป็นตัวแทนหรือนายหน้า ลงวันที่ 12 เมษายน 2542
ข้อ 2 ให้กิจการดังต่อไปนี้เป็นกิจการอื่นที่อนญาตให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ประกอบได้
(1) ธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์กรณีเป็นตัวแทนหรือนายหน้า
(2) ธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เฉพาะตราสารแห่งหนี้ในฐานะเป็นคู่สัญญากับผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม
(3) การให้ยืมหลักทรัพย์เฉพาะตราสารแห่งหนี้ โดยเป็นคู่สัญญากับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(4) การขายหลักทรัพย์ต้องยื่มหลักทรัพย์มาเพื่อการส่งมอบ (การชายชอร์ต)เฉพาะตราสารแห่งหนี้
ข้อ 3 บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ประสงค์จะประกอบกิจการตามข้อ 2 ต้องเป็นบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์และภาระผูกพันที่ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ณ วันที่เริ่มประกอบกิจการ
ข้อ 4 ในการประกอบกิจการตามข้อ 2(2)และ(3) บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
4.1 บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะทำการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ได้เฉพาะกับคู่สัญญาที่เป็นสถาบันเท่านั้น ซึ่งได้แก่
(1) ธนาคารแห่งประเทศไทย
(2) กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(3) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(4) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(5) ธนาคารพาณิชย์
(6) บริษัทเงินทุน
(7) บริษัทหลักทรัพย์
(8) บริษัทประกันชีวิต
(9) สถาบันการเงินต่างประเทศที่กระทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือในฐานะตัวแทนของบุคคลอื่นที่ไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย
(10) กองทุนรวม
(11) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(12) กองทุนส่วนบุคคล
(13) กองทุนบำเหน็จบำนาญ
(14) สถาบันการเงินที่มีกฏหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะและได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์
(15) นิติบุคคลอื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบ
4.2 จำนวนเงินหรือมูลค่าของหลักทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ให้ยืมกับคู่สัญญารายใดรายหนึ่งเมื่อรวมกับจำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ให้กู้ยืมแก่ หรือลงทุนในกิจการของคู่สัญญารายนั้นต้องไม่เกินร้อยลุ 25 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเมื่อรวมกับจำนวนเงินที่ก่อภาระผูกพันใดๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 35 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
ในการคำนวณเงินหรือมูลค่าของหลักทรัพย์รวมกับจำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ให้กู้ยืม หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันข้างต้น ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน โดยอนุโลม และนอกเหนือจากข้อปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้นแล้ว ในกรณีการให้ยืมหลักทรัพย์โดยมีเงินสดวางเป็นหลักประกัน ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนับรวมมูลค่าหลักทรัพย์ที่ให้ยืมในส่วนที่มีเงินสดวางเป็นประกันในการคำนวณจำนวนเงินดังกล่าว
ข้อ 5 บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในเรื่อง เกี่ยวกับการทำธุรกรรม ระบบการควบคุมภายใน การจัดทำแบบรายงาน รวมทั้งข้อปฏิบัติหรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ 6 ให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ประสงค์จะประกอบกิจการตามข้อ 2 แจ้งวันที่จะเริ่มเปิดดำเนินการ และส่งแผนงานรองรับการประกอบกิจการต่อธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างน้อย 30 วัน ก่อนเริ่มเปิดดำเนินกิจการ ทั้งนี้ แผนงานดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัท และต้องมีสาระสำคัญอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1)นโยบายและระเบียบปฏิบัติในการประกอบธุรกิจ
(2)นโยบายการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ และการกำหนดวงเงินของคู่สัญญา
(3)ระเบียบ และวิธีการบริหารความเสี่ยงและระบบควบคุมภายใน
ทั้งนี้ หากธนาคารแห่งประเทศไทยมิได้มีข้อทักท้วงภายใน 30 วัน นับจากวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแผนงานดังกล่าว ให้บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ดำเนินการประกอบกิจการดังกล่าวได้
ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2543
(นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ