การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น

ข่าวกฏหมายและประกาศ Tuesday November 6, 2001 14:38 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

6 พฤศจิกายน 2544เรียน ผู้จัดการ ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร สาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร * ที่ สนส.(02) ว.83/2544 เรื่อง การนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยขอส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2544 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2544 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 118 ตอนพิเศษ 109 ง ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2544 แล้ว สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ 1. ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มี ผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 4 กันยายน 2544 2. ในประกาศฉบับนี้ ได้ปรับปรุงสาระสำคัญของประกาศฉบับเดิมดังนี้ 2.1 แก้ไขนิยาม "กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง" และนิยาม "ผู้ถือหุ้น" โดยไม่ต้องนับรวมหุ้นที่ถือโดยสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดเข้าไปด้วย 2.2 แก้ไขนิยาม "กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง"โดยได้ตัด "กิจการที่มีกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์เป็นกรรมการในกิจการนั้น" ออกไป ทำให้กิจการดังกล่าวไม่ถูกจำกัดการให้สินเชื่อหรือลงทุนตามประกาศนี้ 2.3. ยกเลิกการกำหนดวงเงินให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ทุกรายรวมกันไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์ 2.4. เพิ่มข้อยกเว้นให้ประกาศนี้ไม่ใช้บังคับในการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในนิติบุคคลอื่นที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นรวมทั้งบริษัทจำกัดที่นิติบุคคลดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการหรือถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น มีกำหนดเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ 2.5. เพิ่มข้อยกเว้นให้การให้สินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นเงินฝากและหลักทรัพย์รัฐบาลที่ปราศจากภาระผูกพันและโอนเปลี่ยนมือได้ ไม่ถูกบังคับตามประกาศฉบับนี้ 2.6. เพิ่มข้อยกเว้นให้ธุรกิจสนับสนุนสถาบันการเงินไม่ถูกบังคับตามประกาศฉบับนี้ 2.7 เพิ่มข้อยกเว้นให้การให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งธนาคารพาณิชย์ หรือ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในธุรกิจนั้นก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ ไม่ถูกบังคับตามประกาศฉบับนี้หากได้รับการผ่อนผันจากธนาคารแห่งประเทศไทย 2.8. ยกเลิกกรณีการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูง ผิดไปจากปกติสำหรับธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยไม่ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ 2.9. เพิ่มข้อกำหนดให้การให้สินเชื่อหรือลงทุนในกิจการที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าไม่ได้ดำเนินธุรกิจจริง ถือเป็นการให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ 2.10. เพิ่มการผ่อนผันให้สินเชื่อที่ได้ทำสัญญาโดยมีวงเงินเกินอัตราที่กำหนดก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ 2.11. เพิ่มการผ่อนผันให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ที่มีวงเงินเกินอัตราที่กำหนดสามารถให้สินเชื่อในวงเงินเดิมต่อไปได้อีก 1 ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ขอแสดงความนับถือ (นางสาวปราณี ลีลาชีวสิทธิ์) ผู้อำนวยการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการ แทน สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2544 ฝ่ายโครงการพิเศษและการวิเคราะห์ โทร. 0-2283-6827-8 หมายเหตุ [ ] ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่ ………... ณ [ X ] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจงสนสว10-กส33104-25441106ด ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ______________________________________ เนื่องจากสถาบันการเงินได้มีการลงทุนในกิจการต่าง ๆ มากมายซึ่งมีทั้งกิจการที่สถาบัน การเงินเข้าไปลงทุนด้วยตนเองและลงทุนร่วมกับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ รวมทั้งมีการให้สินเชื่อแก่กิจการที่กล่าว ผู้ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงในปริมาณสูงโดยไม่ได้มีกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่รัดกุมเหมาะสม หรือให้สินเชื่อในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการเหล่านี้ หรือไม่ได้มีการตีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่วางเป็นประกันอย่างรอบคอบ ส่งผลให้สถาบันการเงินได้รับความเสียหายจากการให้สินเชื่อนั้น ดังนั้น เพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(5) และ22(8) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 พ.ศ. 2528 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 4 กันยายน 2544 ข้อ 2 ในหนังสือฉบับนี้ "บริษัทจำกัด" หมายความว่า บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น "ผู้ที่เกี่ยวข้อง" หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับอีกบุคคลหนึ่งในลักษณะอย่างหนึ่ง อย่างใดดังต่อไปนี้ (1) เป็นคู่สมรส บิดา มารดา หรือผู้รับบุตรบุญธรรม (2) เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรม (3) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจในการจัดการ (4) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (5) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือ ถอดถอนกรรมการ (6) เป็นบริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5) (7) บริษัทร่วมของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5) (8) เป็นตัวการหรือตัวแทน ในกรณีที่บุคคลใดถือหุ้นในบริษัทจำกัดใดตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริษัทจำกัดนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว "บริษัทแม่" หมายความว่า บริษัทจำกัดที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดอื่น "บริษัทลูก" หมายความว่า (1) บริษัทจำกัดที่มีบริษัทจำกัดอื่นมีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดนั้น (2) บริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (1) ทุกทอด "บริษัทร่วม" หมายความว่า บริษัทลูกที่มีบริษัทแม่ร่วมกัน "อำนาจควบคุมกิจการ" หมายความว่า (1) การที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือ (2) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่ว่าเพราะเหตุอื่นใด หรือ (3) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการตั้งแต่กึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดในบริษัทจำกัดหนึ่ง ในกรณีที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลที่มีหุ้นดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น "ผู้บริหารระดับสูง" หมายความว่า ผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป "กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง" หมายความว่า (1) บริษัทจำกัดที่ธนาคารพาณิชย์ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องของบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น (2) บริษัทร่วมของธนาคารพาณิชย์ "ผู้ถือหุ้น" หมายความว่า (1) บุคคลที่ถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์ โดยให้นับรวมถึงหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย (2) บุคคลที่มีอำนาจควบคุมกิจการของธนาคารพาณิชย์รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย (3) บริษัทจำกัดที่บุคคลตาม(1)หรือ(2) ถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น "ธุรกิจทางการเงิน" หมายความว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจลิสซิ่ง ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจการรับโอนโดยมีค่าตอบแทนซึ่งสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น "ธุรกิจสนับสนุนสถาบันการเงิน" หมายความว่า บริษัทจำกัดที่ (1) มีสถาบันการเงินใดสถาบันการเงินหนึ่งถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีสถาบันการเงินหลายแห่งถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น และ (2) ประกอบกิจการอันเป็นงานด้านปฏิบัติการ (back office) หรืองานด้านสนับสนุน (support) ซึ่งให้บริการแก่สถาบันการเงินและบุคคลอื่น เช่น การบัญชีและการเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ ตรวจสอบภายใน กฎหมาย การกำกับดูแลการปฏิบัติงานของธนาคารพาณิชย์ บัตรเครดิต ข้อมูลเครดิต รับส่งเอกสาร ศูนย์ฝึกอบรม รักษาความปลอดภัย เป็นต้น ข้อ 3. ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ ในปริมาณเกินสมควร การให้สินเชื่อหรือลงทุนในปริมาณเกินสมควร หมายความว่า การให้สินเชื่อหรือลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันแก่กิจการหรือบุคคลตามวรรคหนึ่งเกินร้อยละ 5 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์ หรือร้อยละ 50 ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดนั้น หรือร้อยละ 25 ของยอดหนี้สินรวมของบริษัทจำกัดนั้น แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า การให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าวในวรรคหนึ่งและวรรคสองข้างต้นไม่รวมกรณีดังต่อไปนี้ (ก) การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นหรือบริษัทจำกัดที่นิติบุคคลดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการหรือถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น ในระหว่างเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ (ข) การให้สินเชื่อโดยมีหลักประกันเต็มจำนวนเป็นเงินฝากสถาบันการเงิน หรือหลักทรัพย์รัฐบาลไทยที่ปราศจากภาระผูกพันและโอนเปลี่ยนมือได้ ทั้งนี้ การตีราคาหลักทรัพย์ให้ถือเอามูลค่าที่ตราไว้ของหลักทรัพย์หรือตราสารนั้น (ค) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจทางการเงิน และธุรกิจสนับสนุนสถาบันการเงิน (ง) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในธุรกิจนั้นก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนธุรกิจที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ หากการปรับโครงสร้างหนี้จำเป็นต้องให้สินเชื่อหรือลงทุนเพิ่มจนเกินอัตราที่กำหนดตามวรรคสอง จะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ข้อ 4 ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์โดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติการให้สินเชื่อหรือลงทุนในกรณีต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ (1) การให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาถึงฐานะและผลการดำเนินงานของธุรกิจ หรือไม่ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ (2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในลักษณะที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการนั้น เช่น เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราปกติของลูกค้าที่มีความเสี่ยงระดับเดียวกัน ไม่มีการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน ไม่ดำเนินการให้หลักประกันมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย เป็นต้น (3) การให้สินเชื่อที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าลูกหนี้ไม่ได้ดำเนินธุรกิจจริง ข้อ 5 ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำนโยบายการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้ สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ โดยจะต้องมีข้อกำหนดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สนส.(21)ว.2130/2543 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2543 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ การก่อภาระผูกพัน การลงทุนในหลักทรัพย์ และการขายสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ (2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าวข้างต้น ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารพาณิชย์ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ (3) ห้ามกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อเข้าร่วมพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั้น ข้อ 6 ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ใดได้ให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นเกินอัตราส่วนที่กล่าวในข้อ 3 วรรคสองข้างต้นก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับและไม่ใช่เป็นการให้สินเชื่อที่มีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติดังกล่าวในข้อ 4 ให้คงอัตราส่วนนั้นต่อไปได้ แต่จะให้สินเชื่อหรือลงทุนเพิ่มอีกไม่ได้ เว้นแต่ (ก) ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตหรือสั่งการเป็นอย่างอื่นไว้แล้ว ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามนั้น (ข) ในกรณีที่ได้ทำสัญญาให้สินเชื่อโดยมีวงเงินเกินอัตราที่กำหนดในข้อ 3 วรรคสองก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ แต่จะเพิ่มวงเงินหรือขยายกำหนดเวลาต่าง ๆ ตามสัญญาไม่ได้ (ค) ในกรณีที่เป็นการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ธนาคารพาณิชย์สามารถให้สินเชื่อในวงเงินเดิมต่อไปได้อีก 1 ปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ หลังจากนั้น จะต้องลดอัตราส่วนลงเหลือตามอัตราที่กำหนด (ง) ในกรณีที่เป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการที่ประกอบธุรกิจการ นำเข้าหรือส่งออก ให้ดำเนินการต่อไปได้อีก 3 ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ หลังจากนั้น จะต้องลดอัตราส่วนลงเหลือตามอัตราที่กำหนด ข้อ 7 ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2544 (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล) ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทยสนสป10-กส33103-25441030ด-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ